เวลาท่องเที่ยว คนส่วนใหญ่มักคำนึงถึงสิ่งที่ได้กับงบประมาณที่ต้องเสียไปเพื่อให้รู้สึกว่า ทริปๆหนึ่งของเรานั้น “คุ้มค่า” ซึ่งแน่นอนว่ามันโยงเอา “ความคุ้มกับเงินในกระเป๋า” ของเราเข้าไปด้วยนั่นเอง ความคุ้มนี้สร้างเงื่อนไขให้เราต้องสรรหาสารพัดวิธีการเดินทางที่ประหยัดที่สุด ตั๋วเดินทางราคาถูกที่สุด ที่พักทำเลสะดวก เดินทางง่าย ใกล้แหล่งกิน พอถึงเวลาเที่ยว ด้วยเวลาอันจำกัด ความคุ้มที่ว่าก็ยังหมายถึง การต้องไปเช็คอินให้หลากที่ที่สุด เมืองนี้ใครว่าที่ไหนเด่น ร้านไหนดัง ก็ต้องแวะมันไปทุกที่
สารภาพว่า ตัวฉันเองเป็นหนึ่งในนั้น เจ้าแม่แห่งการพิจารณาความคุ้มของการเดินทาง ฉันไม่ยอมให้เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ต้องมลายหายไปกับเรื่องจุกจิกยิบย่อยที่เป็นผลพวงจากการเดินทางที่ขาดการวางแผน เป็น อัน ขาด! ไม่ถึงขั้นจดทุกเม็ดเงินที่เสียไปหรอกนะคะ ฉันว่าเรื่องบางเรื่องเราควบคุมไม่ได้และเป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกเซ็งเมื่อต้องควักเงินไปกับเรื่องที่ไม่ควรเสียมากกว่า เหมือนแม่บ้านที่ซื้อของจากร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน แล้วผ่านมาพบว่า เจ้าสินค้าหน้าตาแบบเดียวกันเป๊ะ จัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ในวันต่อมานั่นแหละ
ฉันมีโอกาสเดินทางไปหลากหลายที่ จะด้วยเพราะเรื่องงานบังคับหรือเพื่อท่องเที่ยวสนองนี้ดตัวเอง ประสบการณ์จากการเดินทางนับครั้งไม่ถ้วนค่อยๆก่อตัว มันลูบแก้มฉันเบาๆพร้อมตบหน้าฉันฉาดใหญ่ให้ระลึกถึงเรื่องที่ฉันมองข้าม มันให้บทเรียนสำคัญแก่ฉัน นั่นคือ อย่ามองข้ามเรื่องระหว่างเดินทาง
การเดินทางของคุณเริ่มขึ้นตอนไหนคะ?
เวลาเดินทาง เรามักเฝ้ารอช่วงเวลาถึงที่หมายเพื่อให้การท่องเที่ยวที่เราวางแผนกันมาเสียดิบดีได้เริ่มต้นขึ้นเสียที แต่แท้จริงแล้ว การเดินทางมันเริ่มตั้งแต่ตอนออกเดินทางแล้วต่างหากล่ะ เราไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่า เบื้องหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือทริปๆหนึ่งนั้น จะสนุกแค่ไหน สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญอีกอย่างจึงเป็น เรื่องระหว่างเดินทาง(ก่อนถึงที่หมาย) นั่นเอง เพราะมันอาจเป็นได้ทั้งขุมพลังชั้นยอดที่ทำให้เรายังคงกระปรี้กระเปร่า มีแรงเริ่มต้นวันแรกของการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี หรือ อาจเป็นตัวบั่นทอนพลังงานได้เช่นกัน เอ๊ะ...แค่วิธีเดินทางจะมีพิษสงอะไรมากมายล่ะ? วิธีการเดินทางเป็นแค่สิ่งที่ทำให้เราถึงที่หมายอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรอ? นิสัยชอบความคุ้มของเรานี่แหละค่ะ ที่บังตาเราอยู่ มันสร้างข้อจำกัดที่ทำให้เราเลือกตั๋ว “ราคาถูกที่สุด” โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่มากับมัน อาทิ เวลาที่หายไปขณะรอเปลี่ยนเครื่องพ่วงท้ายด้วยค่าน้ำหนักกระเป๋าที่บานปลาย เพราะต้องจ่ายเพิ่มเวลาเปลี่ยนเครื่อง หรือตารางบินที่สูบเวลาเที่ยวเราไปครึ่งวันพร้อมที่นั่งแคบๆที่สร้างความเมื่อยล้าและสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นให้เราตลอดการเดินทาง เป็นต้น
หนึ่งในการเดินทางที่ฉันประทับใจ คือ การเลือกเดินทางมาชมซากุระที่เมืองนาโกย่าด้วย BOEING 777-300 ของการบินไทย ในเรื่องของการให้บริการและความสะดวกสบายนั้น ชื่อเสียงของการบินไทยคงเป็นตัวการันดีได้ดีอยู่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความคุ้มค่าในสายตาของฉัน คือ มันเป็นเที่ยวบินตรงถึงเมืองนาโกย่า ด้วยเวลาราวห้าชั่วโมง อีกทั้งเวลาเครื่องออกยังเป็นตอนเที่ยงคืน (00.05 น.) ถึงที่นาโกย่าในตอนเช้าพอดี (08.00 น.) ประหยัดค่าที่พักในญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อว่าค่าครองชีพแพงโฮกได้ไปอีกหนึ่งคืนถ้วน! แถมยังเริ่มเที่ยวได้พอเหมาะพอเจาะกับเวลาสถานที่เที่ยวต่างๆเปิดให้บริการอีกด้วย (ส่วนใหญ่เปิดราวๆสิบโมงเช้า) การจัดตารางบินอย่างชาญฉลาดประกอบกับความสบายของที่นั่งโดยสารภายใน ทำให้คนนิยมความคุ้มอย่างฉันเห็นซากุระแรกด้วยพลังกายที่เต็มเปี่ยม