ถึงแม้ว่าปราสาทอันยิ่งใหญ่งดงามที่ตระหง่านตระการตาอยู่กลางเมืองนาโกย่านั้นจะไม่ใช่สิ่งก่อสร้างดั้งเดิมตามฉบับโบราณ แต่ตัวปราสาทที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นก็ยืดตามสถาปัตยกรรมแบบเก่าทุกประการที่สามารถสะท้อนประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายในบริเวณปราสาทแห่งนี้จะเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้อย่างน่าจดจำแล้ว ความสวยงามของบรรยกาศ (โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระเบ่งบาน) ที่รายรอบนั้นยังทำให้ปราสาทนาโกย่าแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดในอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย
ปราสาทนาโกย่า (名古屋城 – Nagoya Castle) นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1610 ในสมัยเอโดะ ตามบัญชาของโชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสุ (Tokugawa Ieyasu) โดยการเกณฑ์กำลังภายใต้การปกครองของของไดเมียว (คล้ายกับเจ้าเมือง) 20 คนที่ปกครองดินแดนญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกทั้งหมดมาช่วยกันสร้างปราสาทแห่งนี้จนสำเร็จในปี ค.ศ.1612 สำหรับโตกุงาวะ อิเอะยาสุนั้นถือเป็นขุนนางคนแรกแห่งแคว้นโอวาริ (Owari) ในอดีต หลังจากปราสาทสร้างเสร็จนั้นดินแดนแถบนี้ก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากและปราสาทนาโกย่าแห่งนี้ก็กลายเป็นปราสาทประจำตระกูลโอวาริโตกุงาวะ (Owari Tokugawa Family) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามของโคตรตระกูลโตกุงาวะที่ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ปลายปี ค.ศ.1930 ทางกระทรวงทรัพย์สินแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (The Imperial Household Ministry) ในยุคนั้นได้มอบปราสาทนาโกย่าให้เป็นสมบัติของเมืองนาโกย่า (City of Nagoya) โดยมีรัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล อาคารและสิ่งก่อสร้างกว่า 24 รายการถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ (National Treasures of Japan) ทำให้ปราสาทนาโกย่านั้นถือเป็นปราสาทแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติอีกด้วย (ข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงอย่างเป็นทางการของปราสาทนาโกย่า) หลังจากที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้สนักพักก็เป็นที่น่าเสียดายว่าต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ถูกกองกำลังทางอากาศของสหรัฐทิ้งระเบิดเพื่อทำลาย (ในตอนนั้นปราสาทนาโกย่าถูกใช้เป็นหนึ่งในสถานที่บัญญาการการรบด้วย) ตัวปราสาทและพระราชวังฮอมมารุนั้นถูกไฟไม้จนวอด หลังจากสงครามสงบลงชาวเมืองต่างก็เรียกร้องให้สร้างตัวปราสาทอันถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งปราสาทหลังใหม่ที่สร้างตามแบบดั้งเดิมทุกประการนี้ก็เริ่มต้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1957 และแล้วเสร็จราวปี ค.ศ.1959
ปัจจุบันตัวปราสาทที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่นั้นภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ทันสมัยที่จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ของปราสาทไว้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงสมบัติโบราณล้ำค่าอันเก่าแก่ของปราสาทแห่งนี้ด้วย ด้านบนนั้นยังเป็นจุดชมวิวเมืองในมุมสูงที่เราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองนาโกย่าได้รอบทิศ สำหรับใครที่สนใจจะแวะไปเยือนปราสาทอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าแห่งนี้บ้าง มาลองดูว่าภายในมีไฮไลท์อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
+ พระราชวังฮอมมารุ (本丸御殿 - Honmmaru Palace) >> ก่อนจะถึงตัวปราสาทเราจะได้รับการต้อนรับด้วยอาคารไม้อันงดงามอลังการที่ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของตัวปราสาท ซึ่งนี่ก็คือพระราชวังฮอมมารุอันเป็นตำหนักพำนักและที่ว่าราชการหลักของโชกุน พระราชวังเดิมนั้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1615 และกำลังมีโครงการรื้อฟื้นพระราชวังเดิมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งหลังจากถูกทำลายลงไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยโปรเจ็คนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2009 มีการก่อสร้างพระราชวังตามสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่เรียกว่า Shoin-Zukur ด้วยกรรมวิธีแบบโบราณตลอดจนใช้วัสดุตามแบบอดีตทุกอย่าง รวมไปถึงไม้ที่นำมาสร้างนั้นก็คัดสรรมาจากไม้สนหอมฮิโนกิที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นจากแถบหุบเขาคิโซะ (Kiso Valley) ใน จ.นากาโน่ เพื่อให้สมกับเป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ในอดีตที่ได้รับการจารึกไว้ว่าเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมเอกแห่งปราสาทยุคใหม่ของญี่ปุ่น ... ผลงานศิลปะอันล้ำค่าอีกอย่างภายในพระราชวังแห่งนี้นั้นก็คือฉากทองคำของห้องต่างๆ ที่มีการจัดทำขึ้นมาใหม่ตามศิลปะแบบดั้งเดิมทุกประการ โดยเฉพาะการวาดลวดลายอันวิจิตรบนฉากนั้นก็ได้เชิญช่างศิลป์จาก Kano School of Art ซึ่งเป็นสถาบันที่วาดภาพดังเดิมนี้ในอดีตมาวาดด้วยเทคนิคตามแบบต้นฉบับอีกครั้งอย่างงดงาม ... ปัจจุบันตัวพระราชวังส่วนแรกที่ประกอบไปด้วย Genkan (Entrance Hall) อันเป็นโถงทางเข้า, Oroka (Grand Corridor) อันเป็นทางเดิมเชื่อมไปยังห้องต่างๆ และ Omete Shoin (Main Hall) อันเป็นท้องพระโรงหลัก ได้สร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนเข้าชมความงดงามไปเมื่อกลางปี ค.ศ.2013 สำหรับพระราชวังในส่วนที่กำลังก่อสร้างนั้นก็อนุญาติให้ประชาชนเข้าชมกระบวนการก่อสร้างอย่างใกล้ชิดอีกด้วย และคาดว่าการชุบชีวิตพระราชวังขึ้นมาใหม่นี้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดราวฤดูใบไม้ผลิในปี ค.ศ.2018
+ คินซาฉิ หรือ โลมาทองคำ (金鯱 – Kinshachi / Golden Dolphins) >> โลมาทองคำนี้แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ในตำนานญี่ปุ่นที่มีหัวเป็นเสือมีตัวเป็นปลาคาร์ฟ ความเชื่อดั้งเดิมนั้นว่ากันว่าคินซาฉินี้สามารถมีมนต์เรียกน้ำมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ มันจึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งการป้องกันไฟตามความเชื่อโบราณ ซึ่งจะถูกตั้งไว้บนหลังคาของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโดยเฉพาะปราสาทต่างๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คินซาฉิบนปราสาทนาโกย่านั้นทำด้วยทองคำ ในอดีตนั้นมันเป็นตัวบ่งบอกความมั่งคั่งอย่างหนึ่งของตระกูลโตกุงาวะเลยทีเดียว คินซาฉิที่อยู่บนหลังคาปราสาทนั้นทิศเหนือเป็นเพศผู้ ทิศใต้เป็นเพศเมีย สำหรับคินซาฉิตัวปัจจุบันนั้นได้ถูกบูรณะและนำขึ้นไปติดไว้บนหลังคาเมื่อปี ค.ศ.2005 โดยมีตัวเก่าแก่ดั้งเดิม ถูกจัดแสดงไว้ภายในบริเวณปราสาทด้วย คินซาฉิที่ปราสาทนาโกย่านั้นค่อนข้างจะมีชื่อเสียงมาก บางตัวในอดีตนั้นเคยนำไปจัดแสดงในงานต่างๆ มากมาย อาทิ งานแสดงสินค้าครั้งแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1872 ที่เมืองยูชิมะ, หรือแม้แต่ถูกเชิญไปจัดแสดงในงานเอกซ์โป (EXPO Vienna 1873) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเวียนนา, และล่าสุดกับการจัดแสดงภายในงาน EXPO 2005 ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองนาโกย่าแห่งนี้อีกด้วย
ภายในปราสาทนาโกย่ายังมีสิ่งที่น่าสนใจและทรงคุณค่าอีกมากมาย ความงดงามของปราสาทแห่งนี้นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละฤดูกาล เป็นหนึ่งในปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เสน่ห์อันน่าหลงใหลนี้รับรองว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือนทีเดียว
**********************************************************************
ปราสาทนาโกย่า (名古屋城 – Nagoya Castle)
+ ที่ตั้ง : 1-1, Hommaru, Naka-ku, Nagoya
+ เวลาให้บริการ : ทุกวัน > 09.00-16.30 น. (หยุดช่วงวันที่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคม ของทุกปี)
+ ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ¥500 (ตั้งแต่เด็กมัธยมต้นลงมาเข้าชมฟรี)
+ ติดต่อ : +81-52-231-1700 / เว็บไซต์ : www.nagoyajo.city.nagoya.jp
+ วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Nagoya Subway สาย M (สีม่วง) Meijo Line มาลงสถานี M07-Shiyakusho (City Hall) / หรือสาย T (สีฟ้า) Tsurumai Line มาลงสถานี T05-Sengen-cho