ซูเปอร์โคมาจิชินคันเซ็นคือรถไฟที่เปิดให้บริการในปี 2013 ด้วยภายนอกที่เป็นสีแดงและเพรียวบางกับสีขาวลางขบวนตลอดลำอาจทำให้คุณเข้าใจผิดกับรถแข่งเฟอร์รารี่ ฟอร์มูล่า วัน หรือรถไฟที่รองรับทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อาร์เซนอลหรือลิเวอร์พูล หรือแม้กระทั่งไอรอน แมน
โคมาจิชินคันเซ็นได้รับเครื่องหมายว่ามีการปรับปรุงมาจากรุ่นของบรรพบุรุษจากรูปลักษณ์ของมัน ซูเปอร์โคมาจิมีความสามารถในการวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 กิโลเมตร / ชั่วโมง ฉันไม่แน่ใจว่าไอรอน แมนสามารถทำความเร็วแบบนี้ได้หรือไม่ (แต่การที่เขาออกไปนอกอวกาศในหนังเรื่อง The Avengers ได้ก็ทำให้ต้องยกนิ้วให้เลย)
ตอนที่เขียนอยู่นี้ ซูเปอร์โคมาจิก็ออกจากสถานีโตเกียวและสถานีอาคิตะแค่ในช่วงเวลาที่ได้รับการกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งเป็นความพึงพอใจหลักของธุรกิจการท่องเที่ยว คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาได้ที่นี่ (จากโตเกียว) และที่นี่ (จากอาคิตะ) นอกจากนี้ ซูเปอร์โคมาจิบางขบวนยังข้ามสถานีเจอาร์ คาคุโนดาเทะด้วย ดังนั้น อย่าพลาดโอกาสที่จะได้เที่ยวชมเมืองแห่งซามูไรในคาคุโนดาเทะตอนขากลับล่ะ
ซูเปอร์โคมาจิขบวนแรกจะออกจากโตเกียวในเวลา 6:56 น. ไปถึงที่อาคิตะภายใน 233 นาทีในเวลา 10:49 น. หากคุณไม่มีเทรนพาส ค่าโดยสารปกติราคา 17,650 เยน จริงๆ แล้วเรื่องบินจะเร็วกว่า และมาถึงที่ภายในเวลา 10 น.ในเวลา 203 นาทีถึงที่ประตู แต่มีการเปลี่ยนเครื่องจากสนามบินสี่ครั้ง ซึ่งต้องทำงานมากกว่าใช้รถไฟ และมีราคาประมาณ 28,000 เยน ยกเว้นแต่ว่าคุณจะมีแอร์พาสซึ่งจะลดราคาลงมาที่ประมาณ 12,000 อีกนัยหนึ่ง โคมาจินั้นใช้เวลาเดินทางไปอาคิตะเกือบ 4 ชั่วโมงแต่จะออกจากโตเกียวทุก 30 นาที และจะออกจากสถานีภายในเวลา 28 นาทีและ 58 นาทีในช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน
ฉันได้ขึ้นซูเปอร์โคมาจิของเจอาร์ อีส พาส ซึ่งฉันอยากแนะนำให้ผู้อ่านทุกคนได้ขึ้นบ้าง สำหรับราคา 20,000 เยนนี้คุณสามารถจะขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในเครือข่ายของเจอาร์ อีสที่ครอบคลุม คันโต นากาโนะและโทโฮคุภายในสี่วัน (คุณสามารถเลือกวันที่ต้องการใช้ได้อย่างอิสระ) แต่จำไว้ว่ามันใช้ได้เพียงหนึ่งเดือน มีเจอาร์ อีส พาส แบบอื่นให้บริการเช่นเดียวกันแต่อันนี้เหมาะกับตารางการเดินทางของฉันที่สุด
ระดับความสะดวกสบายในซูเปอร์โคมาจินั้นช่างน่าอัศจรรย์ด้วยที่นั่งสีเหลืองแบบหนาระบบไฟฟ้า สิ่งที่น่าทึ่งมากของซูเปอร์โคมาจิคือมันแตกต่างจากรุ่นพ่อ (โคมาจิ) มีการเปลี่ยนแปลงในจุดสำคัญสำหรับยุคนี้คือโทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อป การใช้ไอโฟนสามชั่วโมงครึ่งจะทำให้แบตเตอรี่หมด แต่ที่มีที่ชาร์จให้คุณ ดังนั้นคุณสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลย
นอกจากนี้ยังมีตะขอที่ 'ซ่อน' ไว้ให้คุณแขวนเสื้อแจ๊คเก็ต หมวกหรือร่ม ฉันชอบตะขอนี้มากเลยเพราะว่าปกติแล้วฉันจะไม่รู้เลยว่าควรจะวางเสื้อแจ็คเก็ตไว้ที่ไหน ส่วนมากแล้วฉันจะใส่ของต่างๆ ลงไปในกระเป๋าเพื่อย้ายมันออกมาหลังการเดินทาง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือซูเปอร์โคมาจิได้เรียนรู้จากพ่อโคมาจิว่ามีที่นั่งแบบปรับได้ 360 องศา ดังนั้น หากว่าคุณมาท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม ก็ไม่ต้องนั่งหันหลังจากที่นั่งเพื่อคุยกับเพื่อนอีกต่อไป และคุณสามารถหมุนที่นั่งไปรอบๆ และคุยกับพวกเขาแบบเห็นหน้าได้ ทั้งหมดนี้เพียงแค่กดปุ่มที่ด้านล่างของที่นั่งเท่านั้นเอง
ดังนั้น นี่คือสามสิ่งที่เป็นให้กำลังใจเจอาร์ อีสสำหรับการทำงานอันยิ่งใหญ่ในการแนะนำศิลปะแห่งเทคโนโลยีเข้ามาสู่ชีวิตของเราและนำไปสู่ยุคใหม่ของท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการเตรียมให้บริการไวไฟในรถไฟและพวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ คุณได้ยินที่เราพูดมั้ย โทนี่ สตาร์ค