พวกเราไม่แน่ใจว่าพวกเรากำลังไปที่ไหนแต่พวกเราก็ไม่สนใจ ถนนเต็มไปด้วยป่าไม้และเห็นได้ชัดว่าพวกเรากำลังเดินทางขึ้นที่สูง โดยที่พวกเราเห็นทะเลผ่านต้นไม้
พวกเรากำลังท่องเที่ยวตามท้องถนนรอบๆส่วนที่สูงสุดทางตอนเหนือของฮอนชู คือ ชิโมกิตะฮานโตะในที่ทำการโอโทริ พื้นที่แหลมรูปขวานที่ยื่นไปทางฮอกไกโดะนี้คือหนึ่งในพื้นที่ที่ห่างไกลมากที่สุดของญี่ปุ่นโดยส่วนมากโดนล้อมรอบโดยสวนสาธารณะแห่งชาติชิโมกิตะ ฮานโตะ
ในการที่จะไปโมกิตะ ฮานโตะ คุณจำเป็นต้องมีรถยนต์เนื่องจากไม่มีรถขนส่งสาธารณะและไม่ค่อยมีคนอาศัยบนแหลมนี้ คุณจะไม่พบร้านสะดวกซื้อที่นี่เลยซึ่งแน่นอนว่าคุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในป่ามากๆ!
สถานที่นี้คือสถานที่ในอุดมคติที่ทำให้คุณหลงทางและปล่อยใจไปจนถึงจุดหมายที่ยังไม่ทราบแน่ชัด จุดพักแรกของเราคือ Osorezan ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าเคารพบูชามากที่สุดของญี่ปุ่น
(ทุกๆสิ่งมักมาสามอย่าง) โดยชื่อนี้สามารถแปลได้ว่า “ภูเขาแห่งความกลัว” และเมื่อคุณไปถึงที่นั่น คุณก็จะทราบว่าทำไม
โอโซเระซานเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ตาย เมื่อร้อยปีที่แล้วมีการพบวัดแห่งหนึ่งที่นี่ซึ่งมีตำนานว่าเป็นทางเข้านรก ข้างใต้สะพานสีแดง มีลำธารเล็กๆไปวิ่งไปยังทะเลสาบอูโซริที่เชื่อว่าแสดงถึงแม่น้ำซานซูที่คนตายต้องข้ามผ่านไปยังชีวิตหลังความตาย
น้ำซัลเฟอร์ของทะเลสาบอูโซริมีพิษ เมื่อคุณยืนหลังปากธารและมองไปยังภูเขาที่เต็มไปด้วยหมอกฝั่งตรงข้าม ฉันสามารถเข้าใจว่าทำไมสถานที่นี้ถึงเป็นที่ที่ความเป็นและความตายมาบรรจบกัน ทะเลสาบมีความสงบเยือกเย็นมากและแทบจะไม่มีการแตกของพื้นผิวเลย
เมื่อเข้าไปยังวัดโบได-จิ พวกเราจะเดินผ่านที่ดินที่มีหินสีเทากระจักกระจายอยู่และมีกลุ่มเมฆของซัลเฟอร์ลอยขึ้นมาจากพื้นดิน โดยผู้เยี่ยมชมจะให้ของเล่นและเสื้อผ้าเด็กผ่านจิโซะที่เป็นผู้ปกป้องวิญญาณของเด็กที่ตายไปแล้วและทารกที่ตายตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดและสิ่งเหล่านี้จะมีฉากหลังเป็นสีเทา
เราพบว่ามีกระท่อมไม้ที่มี ออนเซน ในวัด โดยที่ผู้เยี่ยมชมสามารถใช้ได้อิสระ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การอาบน้ำรวม!
หลังจากหนึ่งคืนที่หอพักราคาย่อมเยาสำหรับเยาวชนวากิโนซาว่า (ที่เดียวที่เราสามารถพักได้บนแหลมนี้) พวกเราไม่ได้ตั้งจุดหมายปลายทางกันเลย หน้าผาชันทำให้ชายฝั่งส่วนมากไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้น พวกเราจึงมักไปที่ทะเล
ในที่สุดพวกเราพบว่าตนเองอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อ ซาอิซึ่งอยู่ในแนวฝั่งตะวันตกของแหลม พวกเราจอดรถและไปตามทางชันผ่านป่าไม้
ทิวทัศน์ที่พวกเราพบว่านั้นทำให้พวกเราแทบหยุดหายใจ ภาพของน้ำสีฟ้าใสและแสงอาทิตย์ทำให้พวกเราอยู่ในเกาะต่างประเทศมากกว่าทางตอนเหนือของฮอนซู
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุด คือ การก่อตัวของหินธรรมชาติที่กระจายไปตามอ่าว พวกเราบอกว่า โอโตเกะ-กา-อูระคล้ายๆกับ โฮโตเกะ (รูปปั้นพระพุทธเจ้า) โดยเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า สิ่งนี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงสำหรับวัด ศาลเจ้าและประเพณีเก่าแก่ มากไปกว่านั้น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความงามทางธรรมชาติ (ซึ่งมักถูกมองข้ามอยู่บ่อยๆ) เช่นกัน
ถ้าคุณมีโอกาส ฉันอยากแนะนำไปเที่ยวที่ชิโมกิตะ ฮานโตะ พักผ่อนและชื่นชมทิวทัศน์และดูว่าถนนจะพาคุณไปที่ใด