ปีค.ศ. 1704 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอาคิตะทางเหนือ ()ที่แทบไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว) มีความรุนแรงมากจนทำให้ภูมิประเทศในจังหวัดอาโอโมริที่อยู่ใกล้กันเกิดการเปลี่ยนแปลง ภูเขาบางส่วนพังทลายลง แผ่นดินแหลกเหลว แม่น้ำพลิกหาย หลายปีผ่านไปหลังธรณีพิโรธ ผู้คนที่นี่พลอยได้ชื่นชมทะเลสาบและสระน้ำใสแจ๋วจากการสรรค์สร้างอันสวยงาม โดยเฉพาะบริเวณนี้ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟุคาอุระ ใกล้กับอุทยานธรรมชาติชิราคามิ-ซันจิที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมด้วย แหล่ง่องเที่ยวและทรัพย์สมบัติของชาติแห่งนี้คือ "จูนิโกะ" หรือ "สิบสองทะเลสาบ"
แม้บริเวณนี้จะเรียกว่า "สิบสองทะเลสาบ" แต่จริง ๆ แล้วมีทะเลสาบกับสระน้ำรวม 33 แห่ง กล่าวกันว่าถ้ามองจากยอดเขาโอคุซูเระที่อยู่แถวนั้นจะสามารถมองเห็นทะเลสาบไดสิบสองจุด ส่วนทะเลสาบอื่น ๆ ถูกบดบังด้วยต้นไม้รกทึบจำนวนมากของชิราคามิ-ซันจิ ทะเลสาบและสระน้ำมีแตกต่างกันหลายขนาดและความลึก ที่ตื่นสุดก็เพียงสองเมตร ส่วนทะเลสาบยักษ์อย่าง "โออิเกะ" ลึกเกิน 27 เมตร ทั้งหมดมีความเหมือนกันคือน้ำใสแจ๋ว มีอยู่หลายทะเลสาบที่สามารถมองทะลุลงไปถึงพื้นด้านล่าง น้ำฝนกับน้ำบาดาลใรนริเวณนั้นจะช่วยรักษาระดับของทะเลสาบไว้ ซึ่งถูกผ่านการกรองธรรมชาติโดยต้นบีชที่ขึ้นชุกชุมแถวนั้น
แหล่งน้ำที่คนนิยมไปชมคือ "อาโออิเกะ" หรือสระสีคราม เดินมาเพียงแค่สิบห้านาทีจากศูนย์นักท่องเที่ยว แล้วจะได้พบกับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา เพียงแค่ภาพถ่ายนั้นไม่อาจเทียบได้เลยความงดงามตราตรึงแท้จริง มีต้นไม้ (และนักท่องเที่ยว) ล้อมอยู่รอบสระน้ำที่เป็นสีครามแบบแท้ที่สุด สีสันนี้จะดึงดูดดให้คุณจ้องมองเป็นเนิ่นนาน พอผมได้ลองดูมันก็เหมือนกับการทำสมาธิไปในตัว ผมเชื่อว่าคนอื่นก็คงมีความรู้สึกคล้าย ๆ เดียวกันนี้เพราะมีการสร้างแท่นชมวิวยาวตลอดเส้นทาง แต่คุณก็น่าจะลองไปดูสระน้ำกับทะเลสาบสวย ๆ ในเมืองดูบ้าง
บริเวณทะเลสาบจูนิโกะที่สามารถเดินฆทางมาโดยรถด่วนความยาวสามชั่วโมงจากอาโอโมริ หรือเพียง 2 ชั่วโมงกับ 10 นาทีโดยขึ้นรถไฟจากฮิโรซากิหรืออาคิตะ บริเวณนี้ตั้งอยุ่ในภูเขาแต่ถ้าคุณมาโดยรถยนต์หรือรถไฟก็จะได้ชมทิวทัศน์สุดสวยระหว่างทางตามแนวชายฝั่งหรือป่า พอมาถึงก็จะพบกับเส้นทางเดินให้คุณได้ยืดเส้นสายเพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ
