ปราสาทฮิโรซากิเคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูลสึงารุ ที่ตัดสินใจเลือกข้างได้ถูกต้องในสงครามครั้งใหญ่ที่ยุติสมัยเซนโงคุอันโหดร้ายลง (ประมาณกลางศตวรรษที่ 15 - กลางศตวรรษที่ 17) เป็นตระกูลเล็ก ๆ ที่เติบโตมามีอำนาจระดับประเทศ
ป้อมปราการยักษ์ความสูงหกชั้น (ปัจจุบันปราสาทดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นคือที่ฮิเมจิก็สูงเพียงห้าชั้น) จนกลายเป็นศูนย์กลางของเมืองและที่ดินศักดินาหลังสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 1611
แต่ว่าเหตุการณ์ฟ้าผ่าหลังจากปราสาทสร้างเสร็จแล้วสิบหกปีก็ทำให้เกิดเพลิงวอดลามไปถึงคลังแสงเก็บดินปืน ทำให้เกิดเป็นภาพที่ผมคิดว่าคงค่ำคืนหฤโหดใช่เล่น
จนกระทั่งในปี 1810 จึงได้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ขึ้นมาทดแทนที่มีความสูงสามชั้นและตั้งอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบสองแห่งที่อยู่ผ่านสมัยเอโดะ (ปี 1603-1867) มาได้ ปัจจุบันตั้งอยู่กลางลานโล่งที่มีกำแพงและคูเมืองหกชั้น แม้ว่าจะที่นี่มีจะมีความเก่าแก่ก่อนสมัยญี่ปุ่นใหม่อยู่พอสมควร แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปราสาท น่าจะเรียกว่าหอคอยยักษ์มากกว่า
ที่นี่นับเป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีถึคที่เกิดความสงบเป็นเวลาสองศตวรรษครึ่ง ที่ความต้องการเสริมสร้างปราสาทและกองทัพซามูไรลดน้อยลง สังคมเปลี่ยนให้ซามูไรติดหนี้สิ้นพ่อค้าที่พวกเขาเคยตราหน้าดูถูกไว้จำนวนมาก
ค่าเข้า 300 เยนจะได้ชมบริเวณด้านในที่โปร่งสบายซึ่งมีพวกธง เกราะ และศาสตราวุธอนุรักษ์ไว้ให้ชมหลากหลายมาก
บริเวณพื้นที่ของปราสาท (มีขนาดเพียงครึ่งตารางกิโลเมตรเศษ ๆ) อยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างยิ่ง ปกติคูเมืองจะถูกสร้างเพิ่มเติมใส่เข้าไปภายหลัง หรือไม่ก็สิ่งปลูกสร้างที่เสริมเข้าไปในบริเวณศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าที่ฮิโรซากินั้น ยังคงใช้โครงสร้างเดิมจากเริ่มแรกที่ถูกอนุรักษ์ไว้มาจนถึงปัจจุบันและเป็นสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ หอคอยกับกำแพงเดิมก็ยังอยู่ครบถ้วนด้วย
บรรดาผู้รับใช้ของขุนนางจะอยู่อาศัยรอบ ๆ ปราสาท โดยแบ่งตำแหน่งชั้นตามระยะใกล้ไกล บูเกะ-ยาชิกิ (ย่านบ้านพักของซามูไร) เล็ก ๆ ก็ยังตั้งอยู่ด้านนอกติดปราสาท แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาให้ทันสมัยและร้านขายของที่ระลึกโอมิยาเกะ ที่นักเดินทางชาวญี่ปุ่นสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แอปเปิลจำนวนมากกลับไปฝากญาติสนิทมิตรสหายได้ ก็มีจำนวนลดน้อยลงเรื่อย ๆ (แอปเปิลเป็นผลิตผลหลักของที่นี่)
บ้านซามูไรสามหลังในบริเวณนี้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่และเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้ฟรี รวมไปถึงบ้านตระกูลพ่อค้าอิชิบะที่เก็บค่าชม 100 เยนด้วย
ปราสาทฮิโรซากิเป็นสถานที่เดินเล่นยามบ่ายได้สุดเพลิดเพลิน และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ก็จะได้ชมระบบการป้องกันปราสาทแบบโฐราณได้ด้วย ช่วงฤดูดอกซากุระบานต้องห้ามพลาดมาที่นี่ ใครที่ไม่ได้มาช่วงนี้อาจจะต้องเสียดาย เพราะแม้จะสวยมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่ได้ชวนตะลึงสะกดลมหายใจเท่าไหร่
ถ้าคุณจะไปทชมปราสาท ที่แม้แต่นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ค่อยมีเวลาก็ควรต้องไปคือที่มัตสุโมโตะอันชวนตะลึง ในจังหวัดนางาโนะ (ตอนนี้ฮิเมจิปิดปรับปรุงถึงปี 2016 ) ถ้าเกิดคุณอยากจะชมบูเกะ ยาชิกิขนานยแท้ ไปที่คุคุโนดาเตะทางใต้ของฮิโรซากิดู เพราะที่นี่มีชิดาเระ-ซากุระปลิวสไวอยู่เต็มพื้นที่ จะสวยที่สุดช่วงดอกไม้บาน