กังหันลมปักบนกองหินในบริเวณที่เรียกว่า นรก ว่ากันว่ากองหินเหล่านี้ วิญญาณเด็กๆ เป็นผู้ก่อเพื่อข้ามแม่น้ำซันโซ รอบๆ เป็นลานหินกว้าง ไม่มีพืชพรรณขึ้นเนื่องจากสภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นภูเขาไฟมีชีวิต ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นเป็นกรดมาก ควันขาวพุ่งจากบ่อโคลนเดือดเป็นระยะ ตามตำนานเล่าว่ามีบ่อโคลนทั้งหมด 108 บ่อ เท่ากับกิเลสตัณหาทางโลก 108 อย่างพอดี (เครดิตรูปภาพ: Yuwan Grittiyarangsan)

Osorezan ขุนเขาแห่งความกลัว

เยือนแดนนรกกลางอ้อมอกสวรรค์ พร่ำรำพันถึงผู้เป็นที่รัก

กังหันลมปักบนกองหินในบริเวณที่เรียกว่า นรก ว่ากันว่ากองหินเหล่านี้ วิญญาณเด็กๆ เป็นผู้ก่อเพื่อข้ามแม่น้ำซันโซ รอบๆ เป็นลานหินกว้าง ไม่มีพืชพรรณขึ้นเนื่องจากสภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นภูเขาไฟมีชีวิต ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นเป็นกรดมาก ควันขาวพุ่งจากบ่อโคลนเดือดเป็นระยะ ตามตำนานเล่าว่ามีบ่อโคลนทั้งหมด 108 บ่อ เท่ากับกิเลสตัณหาทางโลก 108 อย่างพอดี (เครดิตรูปภาพ: Yuwan Grittiyarangsan)
Creamychalala   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

สูงชันขึ้นไปบนโอโซเระซังคือดินแดนที่เชื่อมต่อผืนพิภพสู่นรกและสรวงสวรรค์ หนึ่งในสามสุดยอดสถานศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นที่ซึ่งผู้คนเดินทางมาพร้อมความเชื่อว่าจะได้พบกับผู้ล่วงลับ และขอพรให้โพธิสัตว์จิโซเมตตา ปกป้องวิญญาณบริสุทธิ์จากเหล่าปีศาจร้าย

ปลายมิถุนายน ฉันขึ้นรถบัสมุทสึจากหน้าสถานี JRคิโมชิตะมุ่งสู่ตอนเหนือของจังหวัดอาโอโมริ ระหว่างทางคนขับจอดให้ลงไปจิบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าต่อกันว่ามีฤทธิ์เหมือนยาอายุวัฒนะ กินลมชมวิวราว 45 นาที ล้อก็หยุดหมุนใกล้ประตูวัดโบไดจิ พุทธสถานใต้ร่มเงาของภูเขาโอโซเระ

สายลมเย็นพัดหวิว ท้องฟ้าไร้แดดให้ความรู้สึกลึกลับ หมอกหนาลอยเหนือทะเลสาปอุโซริ มองไปเห็นสะพานสีแดงพาดข้ามท้องน้ำ สัญลักษณ์ของเส้นทางสู่โลกหลังความตายในนิทานปรัมปรา

อาคารวัดคล้ายปราการด่านแรกที่เปิดสู่ขุมอเวจี เพียงย่างกรายเข้าไปก็เห็นกองกรวดที่ประดับด้วยกังหันลมหลากสี ขนมและของเซ่นไหว้รูปปั้นพระโพธิสัตว์จิโซผู้เป็นใหญ่ในนรกภูมิ สถาปัตยกรรมเรียบง่าย แต่ขับสเน่ห์อันสงบเงียบและเวิ้งว้างได้ดีเหลือเกิน ใครปรารถนาจะซึมซับให้ถึงแก่นก็สามารถค้างแรมในวัดได้ สนนราคาคืนละ 12000 เยนสำหรับห้อง 20 เสื่อ อาหารมังสวิรัติ 2 มื้อ และบ่อน้ำร้อนแบบสมถะ ที่นี่เปิดตั้งแต่ 6.00-18.00 น. เฉพาะเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเท่านั้น

กลิ่นซัลเฟอร์อบอวลในอากาศและยิ่งเข้มข้นเมื่อก้าวเข้าสู่ลานหินกว้าง มีเพียงเนินกรวดและพระพุทธรูปเรียงรายเต็มสองข้างทาง กังหันอันน้อยหมุนติ้ว สวยงามทว่าไร้ชีวิตชีวา ผิดกับรอบนอกที่ร่มรื่นย์ด้วยต้นไม้ใบหญ้า ทิวเขาเขียวชอุ่มแปดยอดและทะเลสาปโอบล้อมพื้นหินแห้งแล้งเอาไว้ ภูมิทัศน์ช่างมหัศจรรย์เหมือนแดนสวรรค์เคียงข้างนรกภูมิจริงๆ

เดินต่ออีกนิดก็เจอผืนน้ำใสกระจ่าง สวยแค่ตา มืออย่าต้อง อาจพุพองเพราะฤทธิ์กรดได้ ใกล้กันมีอนุสรณ์เล็กๆ รำลึกถึงมหาอุทกภัยสึนามิ ช่อดอกไม้ปักเป็นแนวยาวบนหาดทรายขาว คล้ายจะบอกดวงวิญญาณอีกฝั่งว่า คิดถึงนะ

บรรยากาศบนโอโซเระซังคงยากจะพบเจอที่อื่น มันสวยงาม ว่างเปล่า และเติมเต็มอย่างน่าประหลาด ร่างกายฉันอยู่ตรงนั้น แต่จิตใจกลับโบยบินไปหาผู้คนที่รัก อยากพาทุกคนมาที่นี่ เราจะได้อยู่ด้วยกันทั้งสามโลกเลยไงล่ะ

เดินทอดน่องกลับขึ้นรถพลางนึกในใจว่า คงจะดีถ้ามีสักที่ให้เรามาหาคนที่จากไปไกลแบบนี้ และคงจะดีมากกว่าหากเราพูดคุย ใช้เวลา กอดคนสำคัญให้แน่นที่สุด คืนนั้นฉันโทรศัพท์กลับไทย บอกทุกคนว่าฉันรักและขอบคุณพวกเขามากแค่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าการมาเยือนโอโซเระซังจะสร้างความรู้สึกมากมายโดยไม่ต้องใช้แสงสี หรือนี่จะเป็นมนต์ขลังของนรกและสวรรค์บันดาลก็ไม่รู้

Creamychalala

Creamychalala @yuwan.grittiyarangsan