This is a Final Call of Thai Airways International Flight TG677 To Bangkok, It's now boarding at gate number 46, Please board a gate number 46, Immediately, Thank You.
เสียงประกาศเตือนภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นที่ถูกส่งออกมาจากอินเตอร์คอมสนามบินนานาชาตินาริตะ เป็นเสียงสุดท้ายที่ช่วยเตือนสติผมขณะที่กำลังหลงเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกซื้อของฝากในร้านค้าปลอดภาษี ให้รีบวิ่งจากจุดที่อยู่ ณ ขณะนั้นไปยังไปยังประตูทางขึ้นเครื่องซึ่งอยู่สุดปลายเทอร์มินัลสนามบิน
ขณะที่แอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นในชุดยูนิฟอร์มการบินไทยกำลังจะดึงเชือกกั้นทางเดินเพื่อปิดรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินเห็นผม หนุ่มชาวไทยผู้มีแววกำลังจะตกเครื่องวิ่งตรงมาหาอย่างกระหืดกระหอบนั้น เธอก็หยุดยืนรอ ยิ้มให้ และพูดภาษาญี่ปุ่นสั้นๆว่า “คอนนิจิวะ” ซึ่งแปลว่าสวัสดีตอนเย็น ก่อนที่จะเชื้อเชิญให้ผมขึ้นเครื่องบินโดยทันที (คำสุดท้ายที่ผมได้ยินแบบเบาๆหลังจากวิ่งเข้าบันไดงวงก็คือ "ลาสโตะ (Last)" นั่นแปลว่าผมเป็นสุดท้ายที่ขึ้นเครื่องบิน
ทันทีที่ผมขาหลังของผมเหยียบลงบนพื้นของเครื่อง ประตูเครื่องบินแอร์บัส A380 ลำใหม่ก็ถูกปิดลง ผมรีบดิ่งตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง เก็บกระเป๋า รัดเข็มขัด เตรียมตัวรอเวลาเครื่องบินขึ้นโดยทันที ผมอดชื่นชมความยิ่งใหญ่ของเครื่องบินลำนี้ไม่ได้ เพราะในตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินที่ได้ชื่อว่าลำใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เก้าอี้ตกแต่งด้วยสีสันและผ้าที่สวยงาม มีความเป็นไทยผสมกลมกลืนไปกับความทันสมัยของอุปกรณ์เครื่องบิน
ณ เวลา 17.25 น. ซึ่งเป็นเวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น ไฟสัญญาณเตือนรัดเข็มขัดที่นั่งและห้ามสูบบุหรี่ภายในห้องโดยสารก็ติดขึ้น เครื่องบินขนาด 507 ที่นั่ง บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มลำเริ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า (ประกอบไปด้วยที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส (Royal First Class), บิซิเนสคลาส (Royal Silk Class), และชั้นประหยัด (Economy Class)) บินตรงสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีหมายกำหนดการว่าจะถึงปลายทางเวลา 21.55 น. ของเวลาประเทศไทย
ตลอดเวลา 6 ชั่วโมง 30 นาที ที่ใช้เดินทาง ผมไม่รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและน่าเบื่อเลย เพราะบนเครื่องบินลำนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าที่นั่งที่จะมีจออิเล็กทรอนิกส์แบบสัมผัส ที่มีทั้งภาพยนตร์ ละคร สารคดี ซีรีส์ เพลง และข้อมูลในการเดินทางให้ผู้โดยสารเลือกผ่อนคลายตามความพึงพอใจ (สิ่งที่พิเศษต่างจากเครื่องบินรุ่นอื่นๆ คือ เครื่องบินรุ่นนี้มีกล้องติดอยู่บริเวณปีกของเครื่อง ทำให้ผู้โดยสารสามารถชมบรรยากาศเหนือปีกเครื่องบินได้อย่างสบายๆตลอดเวลา)
ช่วงที่แรกที่เครื่องเริ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พนักงานจะเดินเสริฟขนมขบเคี้ยวพร้อมน้ำดื่ม ซื่งผู้โดยสารสามารถสั่งอะไรดื่มก็ได้ (สิ่งที่ผมชอบที่สุด คือ "น้ำแอปเปิ้ล" ครับ เพราะมีรสหวานและกลิ่นหอมมากๆ) ในอีกประมาณ 30 นาทีต่อมา ก็เริ่มเสริฟอาหารเย็น ในเที่ยวบินของผมมีอาหารให้เลือกอยู่สองแบบ คือ ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอด และไก่ซอสเทอริยากิสไตล์ญี่ปุ่น โดยทั้งสองเมนูเสริฟพร้อมสลัดแซลมอนรมควันและขนมหวาน รสชาติอร่อยมากๆ ระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่จะมีพนักงานมาเสริฟน้ำ ไวน์แดง และไวน์ขาว ผู้โดยสารสามารถเลือกดื่มได้ตามใจชอบ และก่อนถึงเวลาเครื่องลง จะมีไอศกรีมวนิลาหรือชาเขียวเย็นๆให้บริการเป็นของตบท้าย สำหรับใครที่ชอบทานไอศกรีมห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะรสชาติหวานนุ่มละลายลิ้นมากๆ
ด้านการบริการ สายการบินแห่งนี้มีพนักงานพร้อมให้บริการกับผู้โดยสารตลอดเวลา ไม่ว่าคุณมีความเดือดร้อนหรือต้องการสิ่งใดเพียงแค่กดปุ่มเรียกพนักงานบริเวณที่นั่ง ก็จะมีพนักงานมาช่วยเหลือคุณทันที
สำหรับใครที่กำลังมองหาสายการบินดีๆ เพื่อเดินทางไป-กลับประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาบินไม่นาน ไม่อยากเร่งรีบเดินทางมาสนามบิน มีเวลาเดินช็อปปิ้งก่อนเครื่องออก อาหารบนเครื่องอร่อย พร้อมที่นั่งกว้างขวาง และสะดวกสบายแล้ว "การบินไทย" อาจเป็นสายการบินที่เหมาะสำหรับคุณ โดยเฉพาะหากยิ่งใครเดินทางในชั้นธุรกิจและชั้นเฟริสคลาสแล้ว สายการบินแห่งนี้ยังมีเลานจ์ เปิดให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารโดยเฉพาะอีกด้วย
ตรวจสอบเที่ยวบิน เช็คโปรโมชั่น และสอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ที่ www.thaiairways.com โทร 02-356-1111