เทศกาลนี้เริ่มต้นในปี2000 จากนั้นเป็นต้นมา, งานซัมเมอร์ โซนิคก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ศิลปินที่มาร่วมแสดงในปีนี้ก็เป็นศิลปินระดับโลก วงดนตรีอย่าง Metallica และ Muse ต่างก็มาร่วมแสดงในเทศกาลที่โด่งดังที่สุดงานหนึ่งของญี่ปุ่น
ผมไปร่วมงานซัมเมอร์ โซนิค ที่โตเกียวในปี 2011 และได้ชมการแสดงสดของวงอย่าง The Strokes, Red Hot Chilli Peppers, และSuede เป็นประสบการณ์ที่บอกเลยว่าห้ามพลาด!
งานในโตเกียวจัดขึ้นที่เมืองจิบะ, ใช้เวลาเดินทางออกจากโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และขอพูดตรงๆเลยว่า, เป็นการเดินทางที่ทรหดมาก ในตอนนั้นผมพักที่อาซาคุซะ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางถึงสามชั่วโมงเพื่อไปถึงงานและกลับมา ในระยะเวลาสองวันที่มี, เท่ากับต้องเสียเวลาถึง 6 ชั่วโมงในการเดินทางจากเวลาทั้งหมด 48 ชั่วโมง, อีกเรื่องคือค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวประมาณ 1400 เยน หรือ 14 ดอลลาร์(455 บาท), รวมทั้งหมดแล้วจะต้องเสียเงินมากกว่า 56 ดอลลาร์(1,844 บาท) ให้กับการเดินทาง แต่ที่น่าหวั่นใจที่สุดคือตอนขากลับไปโตเกียว เพราะหลังจากยืนและกระโดดโลดเต้นมาทั้งวัน, ผมต้องมาถูกเบียดบนรถไฟด้วยฝูงคนที่อ่อนล้าเหมือนผม, เหนื่อยและชุ่มเหงื่อมาพอๆกัน ยิ่งกว่านั้น, รถไฟต้องใช้เวลาวิ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง, คุณคงนึกภาพออกนะว่ามันเหนื่อยแทบจะล้มพับขนาดไหน
ด้วยเหตุนี้, ผมขอแนะนำคนที่คิดจะไปให้หาที่พักไว้ที่เมืองจิบะเลย ทำแบบนี้คุณจะประหยัดค่าเดินทาง, ประหยัดเวลาเดินทาง, กลับบ้านเร็วขึ้น, พักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลในวันต่อไป
อย่างที่บอก, ซัมเมอร์ โซนิคเองถือเป็นประเพณีที่น่าสนใจมาก, เทศกาลดนตรีหลายแห่งจะจัดบนสนามนอกอาคารกว้างๆ, ลองนึกถึงเทศกาลดนตรีอย่าง Glastonbury และ Coachella อย่างไรก็ตาม, ซัมเมอร์ โซนิคจัดขึ้นที่ สนามเบสบอล(QVC Marine Stadium) และที่ศูนย์การประชุม (Makuhari Messe) เพราะฉะนั้น, ไม่มีธรรมชาติ, ไม่มีต้นไม้ จะมีก็แค่คอนกรีต
ผู้ชมก็แตกต่างกันอย่างมากระหว่างเทศกาลดนตรีฝั่งตะวันตกและที่ญี่ปุ่น ผมเคยไปที่Glastonbury ผู้คนที่นั่นครึกครื้น, เสียงดัง และร่าเริงมาก อย่างไรก็ดี, ที่ญี่ปุ่นถึงจะเข้มงวดน้อยกว่า แต่ความคลั้งไคล้ในตัวศิลปินมีมากกว่าเยอะ ตัวอย่างเช่น, เมื่อถึงการแสดงของX Japan, สัญลักษณ์ X ก็ชูขึ้นในหมู่ผู้ชมทั้งหมด, พวกเขายกแขนไขว้เป็นรูปกากบาทชูเหนือหัว และมีผู้หญิงบางคนที่ไม่ยอมเอามือลงตลอดการแสดง 90 นาที สำหรับผมแล้วนี่น่าทึ่งมาก และไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวที่ทำด้วย ถ้าเป็นที่Glastonbury, Coachella หรือเทศกาลดนตรีอื่นๆ, พวกเขาคงจะยุ่งอยู่กับการดื่ม ถึงอย่างนั้น, ผู้คนที่ญี่ปุ่นเป็นมิตรและสุภาพมาก เมื่อการแสดงของวง Red Hot Chilli Peppers จบลง(โชว์สุดท้ายของงาน), คนก็เริ่มตั้งแถวที่ประตูเพื่อจะออกไป คุณไม่มีทางเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนแน่ๆ!
งานเทศกาลเองเยี่ยมยอดมาก เส้นทางในงานก็เป็นระเบียบและเข้าใจง่าย, คุณไม่มีทางหลง สต๊าฟในงานก็ใจดีและคอยช่วยเหลือ, ถึงบางคนจะไม่ชำนาญภาษาอังกฤษเท่าไหร่, แต่ก็พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อาหารและเครื่องดื่มก็มีมากมาย ซุ้มขายอาหารมีให้เห็นทั่วไปในงาน รอไม่เกิน 5 นาทีก็ได้ฮ็อทด๊อกมารองท้องแล้ว ถ้าคุณต้องการของที่ระลึก, ต้องรีบไปแต่เช้า! เพราะของขายหมดเร็วมาก, โดยเฉพาะเสื้อยืดที่สกรีนลายสวยๆ ผมไปช้าเลยซื้อได้แต่เสื้อยืดธรรมดาที่มีคำว่าซัมเมอร์ โซนิคอยู่ด้านหน้า
โดยรวมแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้สนุกกับการแสดงสดของวงดนตรีที่ชอบหลายวง และในขณะเดียวกันก็ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างแฟนเพลงที่Glastonbury และ ซัมเมอร์ โซนิค ดังนั้นถ้าคุณมาเที่ยวโตเกียวหรือโอซาก้าในเดือนสิงหาคม, อย่าลืมเช็คตารางการแสดงของงานซัมเมอร์ โซนิค ถ้าคุณอยู่ที่ฮิโรชิมา, ก็ไปที่งานSetstock ถ้ามีวงดนตรีที่คุณชอบร่วมแสดง, อย่าลังเล ไปสัมผัสประสบการณ์เทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นด้วยตัวคุณเอง