ถ้าคุณต้องการไปยังปราสาทมัตสึยามะ จากสถานีรถไฟ เจ. อาร์. มัตสึยามะ คุณสามารถเดินไปตามถนนสายหลักจากสถานีได้ แต่หากคุณรีบ คุณอาจจะเลือกไปตามถนนทางด้านซ้าย ที่เป็นทางลัดซึ่งสั้นกว่าเล็กน้อย เส้นทางนี้จะผ่านร้านอาหารนางาซากะ และถ้าตรงกับช่วงเวลาอาหารกลางวันพอดี คุณจะไม่ผิดหวังเลยที่ได้เข้าไปลองทานอาหารที่นี่
จากด้านนอกจะเห็นได้ว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความทันสมัยที่เรียบง่ายและความงามในแบบญี่ปุ่น ด้านในก็ตกแต่งในลักษณะเดียวกัน ถึงแม้ว่ารายละเอียดบางอย่างจะทำให้นึกถึงบรรยากาศของยุคโชวะในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีกระจกในกรอบไม้เป็นฉากกั้นอยู่มากมาย รายการอาหารเขียนด้วยลายมืออยู่เหนือครัวแบบเปิด ใช้ไม้อัดทำคาน และสายไฟแบบโบราณใช้เซรามิกเป็นฉนวน ใครบางคนคงตั้งใจออกแบบและนำสิ่งต่างๆ มารวมไว้ด้วยกันแบบนี้
พนักงานที่นางาซากะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตอนที่บริกรนำเมนูรายการอาหารกลางวันมาให้ เขาถามผมว่าอ่านภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาพร้อมที่จะอธิบายให้ผมฟังทั้งหมด ในเมนูมีอาหารชุดให้เลือกหลายรายการ ราคาอยู่ในช่วง 700 ถึง 1,000 เยน แหล่งของวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการประกอบอาหารหาได้ในท้องถิ่นของเอะฮิเมะนี่เอง ด้วยความภาคภูมิใจในท้องถิ่นทำให้ผมเลือก “อิโมบูตะ” หมูที่เลี้ยงด้วยมันฝรั่ง อาหารขึ้นชื่อของเอะฮิเมะ อาหารจานนี้เสิร์ฟพร้อมกับข้าวขาวหรือข้าวผสมธัญพืช ผมถูกทำให้เชื่อได้ง่ายด้วยทางเลือกเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว ผมจึงเลือกอย่างหลัง
อาหารของผมมาเร็ว เป็นเนื้อหมูตัดเป็นแผ่นราดด้วยซอสที่ปรุงจากขิงและหอมหัวใหญ่ ทานกับสลัดกะหล่ำปลีและผักอื่นๆ อาหารเสิร์ฟพร้อมกับซุปมิโซะ สาหร่ายคอมบุ และหัวไชเท้าดอง เนื้อหมูมีส่วนที่เป็นไขมันหนาตามแบบอาหารญี่ปุ่นทั่วไป บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่ผมคุ้นเคยและทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเสียแล้ว ข้าวที่ผสมธัญพืชมาหลายชนิดให้รสชาติคล้ายถั่ว ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรสของชาเย็นที่มีธัญพืชชนิดเดียวกับที่ผสมอยู่ในข้าวแต่งกลิ่นรส ผมพอใจที่พนักงานไม่ได้ว่าอะไรเมื่อผมขอให้วางเหยือกน้ำไว้ที่โต๊ะเลย เพราะมันเป็นวันที่อากาศร้อนและผมรู้สึกกระหาย
ที่นางาซากะ โต๊ะในส่วนที่อนุญาตให้สูบบุหรี่และไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่แยกกันอย่างเด็ดขาด สำหรับมื้อเย็น เมนูอาหารเป็นแบบอิซากายะ (กับแกล้ม อาหารทานเล่น เน้นที่การดื่มมากกว่า) มีภาพประกอบช่วยให้ลูกค้าที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้สั่งอาหารได้ง่ายขึ้น
ชื่อในภาษาญี่ปุ่น
なが坂 —นางาซากะ