ค่ายปราการของ อิชิดะ มิตสุนาริ แม่ทัพฝ่ายตะวันตก ณ.ทุ่งเซกิกาฮาระ (เครดิตรูปภาพ: PPF)

ทุ่งเซกิกาฮาระ สมรภูมิศึกซามูไร

สงครามยิ่งใหญ่ที่ซามูไรต้องสูญเสียเลือดเนื้อมากที่สุด

ค่ายปราการของ อิชิดะ มิตสุนาริ แม่ทัพฝ่ายตะวันตก ณ.ทุ่งเซกิกาฮาระ (เครดิตรูปภาพ: PPF)
Anonymous   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

ในบรรดาสงครามของเหล่าซามูไร การรบที่เซกิกาฮาระ ทุ่งเล็กๆ แห่งนี้นับได้ว่าเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สูญเสียเลือดเนื้อมากที่สุด ดุเดือดและมีความสำคัญมากที่สุด เท่าที่เคยมีสงครามมา ในครั้งนั้นนักรบกลุ่มต่างๆ ทั่วทั้งประเทศถูกรวบรวมเข้าเป็นสองกองทัพคือ ทัพฝ่ายตะวันออกและทัพฝ่ายตะวันตกต่างกรูเข้าห้ำหั่นกันอย่างเหี้ยมหาญ ชั่วเวลาเพียง 6 ชั่วโมงต่างฝ่ายต่างฆ่ากันไปมาล้มตายเป็นจำนวนมากถึง 30,000 คน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ปี คศ. 1600

ญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่มีศึกสงครามเป็นเวลายาวนาน จนกระทั้งถึงยุคของ โอดะ โนบุนากะ ผู้ริเริ่มกอบกู้เอกภาพของชาติแต่ต้องมาเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือนายพลผู้ทรยศผู้เป็นลูกน้องของท่านเอง ต่อมาขุนนางอีกผู้หนึ่ง โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เข้าควบคุมอำนาจและนำสันติภาพมาสู่ชาติได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านฮิเดโยชิ รู้ตัวว่าถึงเวลาจะสิ้นสุดอายุขัยได้เรียกแม่ทัพนายกองเข้ามาประชุมกันเพื่อยกทารกบุตรชายของท่านขึ้นเป็นผู้นำ บรรดาแม่ทัพนายกองเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีแสนยานุภาพ แต่ผู้ที่มีมากที่สุดคือ โทกุกาวะ อิเอยาสุ

เมื่อท่านฮิเดโยชิจากไปแล้ว อิเอยาสุ ก็เริ่มยักย้ายถ่ายเทอำนาจจากตระกูลโทโยโทมิเข้ามาอยู่ในมือของตัวเอง ในครั้งนั้นชาวประชาครึ่งประเทศประณามการแย่งชิงอำนาจของท่าน แต่อีกครึ่งหนึ่งให้การสนับสนุน ประเทศแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายตะวันออกนำโดยโทกุกาวะ อิเอยาสุ ฝ่ายตะวันตกนำโดยอิชิดะ มิตสุนาริ ในที่สุดก็เกิดสงครามครั้งใหญ่ ใหญ่ที่สุดที่เหล่านักรบจะเคยพบเห็น ศึกซามูไร ณ ทุ่งเซกิกาฮาระ

การรบเริ่มตั้งแต่เช้าเวลา 7:30 น. นักรบราว 180,000 คนเริ่มประหัตประหารกันเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งต่อมายอมรับกันว่านี่เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ยาวนานของญี่ปุ่น

เริ่มต้นทัพฝ่ายตะวันตกเหนือกว่าในจำนวนนักรบ และยึดครองชัยภูมิสูงที่รายล้อมทัพฝ่ายตะวันออก อย่างไรก็ตามในระหว่างการรบครั้งยิ่งใหญ่นี้ พันธมิตรฝ่ายตะวันตกจำนวนหนึ่งเปลี่ยนใจแปรพักตร์เข้าหาอิเอยาสุ หันมาช่วยทัพฝ่ายตะวันออก ความได้เปรียบจึงย้ายไปสู่อีกข้างหนึ่ง

เวลาประมาณบ่ายสองโมงในวันนั้น โทกุกาวะ อิเอยาสุ ก็ได้รับชัยชนะ ประเทศตกเป็นของท่านแล้ว ในอีกไม่ช้าก็จะถูกสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ โชกุน ตำแหน่งที่ตระกูลของท่านจะได้ครอบครองต่อไปอีกถึง 250 ปี

ในการเข้าเที่ยวชมสมรภูมิเก่าแก่แห่งนี้ จะดีที่สุดหากเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้านเมืองเซกิกาฮาระ (ค่าผ่านประตู 350 เยน) ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการรายละเอียดเรื่องราวของสงคราม บุคคลผู้เกี่ยวข้อง อาวุธ ชุดเกราะ ที่ใช้ในสมัยนั้น นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับศึกเซกิกาฮาระ และสินค้าอื่นๆ

จักรยานก็มีเตรียมไว้ให้เช่าจากพิพิธภัณฑ์ในราคาคันละ 500 เยนใช้ได้ตลอดทั้งวัน ผู้เช่าจะได้รับแผนที่อาณาบริเวณสมรภูมิ ฐานที่มั่นของแม่ทัพคนสำคัญของแต่ละฝ่ายได้ถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน ในท้องทุ่งก็มีธงรบของแต่ละทัพปักอยู่เหนือป้ายศิลาจารึกเล่าเรื่องราว ผืนธงจะโบกสะบัดไปมาเมื่อมีสายลม

แม้ว่าสมรภูมิจะมีพื้นที่ไม่กว้างไพศาลนัก แต่ก็ควรเผื่อเวลาไว้ตลอดวันเพื่อจะเยี่ยมชมฐานที่มั่นสำคัญได้ครบถ้วน

มีข้อแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางเที่ยวชมดังนี้ ให้เริ่มต้นจากกองบัญชาการของแม่ทัพฝ่ายตะวันตกคือ อิชิดะ มิตสุนาริ ซึ่งอยู่บนยอดเนินเขา ซาซาโอะ ที่ต่ำลงมาคือสนามรบ ที่ค่ายของท่านอิชิดะนี้จะมองเห็นทัศนียภาพได้ทั่วตลอดทั้งสมรภูมิ  หากนักท่องเที่ยวประสงค์ที่จะใส่ชุดเกราะซามูไรจำลองที่มีน้ำหนักเบาสวมใส่สบาย ก็หาเช่าได้จากสำนักงานชุมชนที่ตั้งอยู่ข้างๆ เนินซาซาโอะนี้ ทั้งหมดนี้จะทำให้ท่านใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่ภายในสนามรบได้อย่างเพลิดเพลินตลอดทั้งวัน ดูราวกับว่าเป็นนักรบโบราณ ภายใต้เสื้อเกราะคาดดาบซามูไรเต็มยศ สง่างามอยู่บนหลัง...จักรยานเชื่องๆ ที่เช่ามาคันนั้น

จากจุดนี้มุ่งหน้าลงสู่ทิศใต้ยังคงเรียงรายไปด้วยฐานที่มั่นของฝ่ายตะวันตกกลุ่มชิมัสสึ โคนิชิ และอูกิตะ อ้อมเลยไปหน่อยก็จะถึงฐาน โอตานิ ที่อยู่ถัดไปอีกไม่ไกลคือหลุมฝังร่างของท่าน โอตานิ โยชิซูกุ นายพลเพียงผู้เดียวที่ ฮาราคีรี ในศึกวันนั้น จากนั้นเมื่อลอดใต้ทางด่วนไปแล้วจะถึงฐานที่มั่นของ วากาซากะ ถัดไปที่อยู่เหนือเนินเขามัตซูโอะคือจุดที่ โคบายากาวะ ฮิเดอากิ ผู้ทรยศต่อฝ่ายตะวันตกได้เคยปักธงรบของเขาไว้ การข้ามเนินเขามัตซูโอะจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 45 นาที และจำต้องมีความอุตสาหะสักหน่อย แต่ก็จะรู้สึกว่าคุ้มค่าเมื่อได้เห็นวิวจากกองบัญชาการของผู้แปรพักตร์ 

เปลี่ยนไปดูอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง พ้นจากเนินเขามัตซูโอะไปแล้ว ให้มุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือเข้าสู่แนวตั้งรับของกองทัพฝ่ายตะวันออกที่เรียงรายไปด้วยฐานที่มั่นของกลุ่ม ฟูกุชิมะ โทโดะ คิวโคกุ และฮอนดะ จากนั้นให้มุ่งหน้าไปสู่เนินโยนหัว ในสงครามนี้จะมีเนินโยนหัวที่เรียกว่า คูบิซูกะ 2 แห่ง ซามูไรจะฟันหัวของศัตรูให้ขาดออกแล้วหิ้วหัวนั้นมาโยนสุมรวมกันเป็นเนินภูเขาหัว เนินโยนหัวของฝ่ายตะวันออกอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ถัดไปจากฐานที่มั่นของ ไออิ และ มัตสุดาอิระ สำหรับเนินโยนหัวของฝ่ายตะวันตกอยู่เลยจากทุ่งประหารไปอีก 500 เมตร จากนี้จะจบทัวร์ด้วยการสำรวจสวนหย่อมที่อยู่ตรงข้ามกับจุดเริ่มต้นซึ่งก็คือพิพิธภัณฑ์ ณ ที่นี้เป็นจุดที่อิเอยาสุ ใช้บัญชาการกองทัพและยังเป็นที่ตรวจนับหัวของศัตรูที่ได้มาเป็นพันๆ หัว จากฝีมือนักรบของท่าน

ทุ่งสมรภูมิเซกิกาฮาระเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่ามาเที่ยว ตั้งอยู่ ณ นอกเมืองเซกิกาฮาระ เมืองเล็กๆ อยู่ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตก 3 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถไฟด่วนชินกันเซน  ทุ่งถูกจัดไว้เป็นสวนสาธารณะมีรูปปั้นซามูไรคอนกรีตขนาดเท่าคนจริงเป็นร้อยๆ ตัวกระจายอยู่ในสวนเพื่อคงบรรยากาศศึกสงครามไว้ รูปปั้นเหล่านี้ดูเหมือนไร้ราคาแต่ทำให้เราได้ระลึกถึงใครบางคนที่เคยมาที่นี่ พวกเขาเคยอยู่ตรงไหนมีลักษณะอย่างไร แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่แตกหักชำรุดไปบ้าง สมรภูมิแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กอีกแห่งหนึ่งอุทิศให้กับศึกในครั้งนั้น ภายในจัดแสดงเสื้อเกราะซามูไรจำนวนมาก

หากได้ศึกษาเรื่องราวของศึกครั้งนั้นสักหน่อยก่อนเข้าไปเที่ยวจะดีไม่น้อย ทำให้ไม่เบื่อและสนุกสนานมากขึ้น ด้วยจะรู้ว่าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงของปีนั้นมีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งผลของมันยังทำให้เกิดการเปลี่ยนยุคสมัยของประเทศญี่ปุ่นให้ทันสมัยขึ้น

Anonymous

Anonymous @kraikorn.charmikorn__archived