จังหวัดทตโตริเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนความลับที่ไม่มีใครรู้ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชุโคกุตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น จังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานชวนน่าค้นหา และนี่คือสถานที่ 10 แห่งในจังหวัดทตโตริที่คุณควรที่จะไปเยี่ยมชม
1. วัดมิโตขุซัน ซันบุตสึจิ
ที่ตั้งของวัดซันบุตสึจินั้นอยู่บนภูเขามิโทขุ ซึ่งมีความสูงจากน้ำทะเล 900 เมตร ที่ข้างหน้าผาเราสามารถมองเห็นส่วนด้านในสุดของวัด (เรียกว่านาเกอิเระ-โด) และด้วยสถาปัตยกรรมที่หาได้ยากเช่นนี้ วัดซันบุตสึจิจึงได้ถูกยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติ หากมองจากฝั่งหน้าผาของภูเขาจะดูเหมือนนาเกอิเระ-โดจกำลังลอยอยู่ แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรแค่ที่จะมาเห็นด้วยตาของคุณเอง ไม่มีใครรู้ว่านาเกอิเระ-โดนั้นถูกสร้างขึ้นมาเมื่อใด แต่จากคำร่ำลือที่ถูกพูดต่อๆกันมา วัดนี้ถูกโยนขึ้นไปบนหน้าผาด้วยพลังวิเศษของพระภิกษุ เอ็น โน โอซึโนะ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มศาสนาชูเก็นโดและที่วัดก็มีการฝึกฝนศาสตร์นี้อีกด้วย ถ้าหากต้องการไปเห็นตัววัดและวิหารใกล้ๆ อาจจะต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่เหมาะสมและความพยายามพอตัวเลยทีเดียวในการเดินและปีนขึ้นภูเขา แต่ถ้าหากว่ายังไม่พร้อม ทางด้านล่างของภูเขานั้นก็มีจุดชมวิวอยู่เหมือนกัน
2. ภูเขาไดเซ็น
ไดเซ็นได้รับการจัดอันดับที่ 3 จาก NHK ว่าเป็น "ยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น" และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติไดเซ็น - โอกิ โดยภูเขาไดเซ็นเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชุโคกุ และมียอดเขาหลายยอด ซึ่งยอดที่สูงที่สุด คือ ยอดไมเซ็น (1,709 ม.) หากมองจากด้านบนยอดเขาจะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของบริเวณรอบๆได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาในช่วงฤดูร้อนหรือมาเล่นสกีในฤดูหนาว ภูเขาแห่งนี้ก็สามารถรองรับทุกกิจกรรมในทุกฤดูกาล นอกจากนั้นภูเขาไดเซ็นยังถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะตั้งแต่อดีตกาลภูเขาแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญตบะของพระภิกษุหลายรูป จึงถูกจัดให้เป็นพื้นที่ห่วงห้ามไม่ให้ผู้คนเข้ามาจนถึงช่วงของรัฐบาลเมจิ แต่ปัจจุบันภูเขานี้ได้เปิดต้อนรับให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวิวธรรมชาติที่สวยงาม จนติดอันดับหนึ่งในภูเขาที่ผู้คนนิยมไปปืนเขากันมากที่สุดในภาคตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น
3. วัดไดเซ็นจิ
วัดไดเซ็นจิเป็นวัดทางพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่บนภูเขาไดเซ็น ต้นกำเนิดของวัดแห่งนี้สามารถย้อนกลับไปในสมัยเฮอิอัน พื้นที่แห่งนี้ถูกใช้ประโยชน์ในการเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางพุทธศาสนาสำหรับการปฏิบัติทางศาสตร์ชูเก็นโด แต่เดิมพื้นที่นี้มีวัดมากกว่า 100 หลัง และมีพระกว่า 3,000 รูปด้วยกัน แต่เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี ค.ศ.1928 อาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย และในทุกวันนี้เหลือเพียงไม่กี่อาคารเท่านั้นที่ยังสามารถใช้การได้ ส่วนอาคารหลักของวัดได้รับการบูรณะในปี ค.ศ.1951 ภายในตัวอาคารหลักคุณจะพบรูปปั้นของ จิโซะ โบซัตซึ และงานแกะสลักไม้พระพุทธรูป อามิดะ ซึ่งจัดว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญในญี่ปุ่น
4. ถนนมิซุกิ ชิเงะรุ
ถนนแห่งนี้ตั้งชื่อมาจากนักวาดการ์ตูนชื่อดัง มิซูุกิ ชิเงะรุ ที่มีผลงานชื่อดังจากการ์ตูนมังงะเกี่ยวกับภูติ ผีปีศาจของญี่ปุ่น (โยไก) ชื่อเรื่อง GeGeGe no Kitaro ถนนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านเกิดของมิซุกิ ในซาไกอิมินาโตะ โดยเริ่มจากสถานนีรถไฟซาไกอิมินาโตะยาวเข้าไปในตัวเมือง ตลอดข้างทางของถนน
800 เมตร สายนี้ คุณสามารถพบเห็นรูปปั้นทองแดงของตัวละครจากในการ์ตูนมังงะพร้อมข้อมูลต่างๆของตัวละครอีกด้วย ยิ่งในตอนกลางคืนรูปปั้นจะถูกเปิดไฟทำให้มีความรู้สึกที่ต่างไปอีกแบบ เหมือนกับว่าปีศาจพวกนี้มีชีวิตขึ้นมา นอกจากนี้ถนนเส้นนี้ยังมีร้านขายของแปลกๆอีกมากมายที่เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญหรือของฝากอีกด้วย
5. สันทราย (ซากิว) ในทตโตริ / กิจกรรมเล่นกระดานโต้ทราย และร่มร่อน
ถ้าหากคุณได้มาทตโตริแล้วไม่ได้มาเช็คอินที่สันทรายแห่งนี้ ถือว่ายังมาไม่ถึงทตโตริอย่างสมบูรณ์แบบ เนินทรายพวกนี้ถูกสรรค์สร้างโดยธรรมชาติที่เกิดจากการทับถมของทรายเป็นเวลาหลายพันปี เขาสันทรายครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 16 กิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่งผลทำให้เกิดภูมิประเทศที่สวยงามมาก ที่นี่มีกิจกรรมมากมายที่คุณสามารถลองเล่นในเนินทรายแห่งนี้ เช่น ขี่อูฐ หรือถ้าหากต้องการความตื่นเต้น คุณสามารถลองเล่นกระดานโต้ทรายและร่มร่อน หากคุณสนใจเล่นกระดานโต้ทรายบนเนินทรายจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,500 เยน ต่อเวลา 2 ชั่วโมง (ราคานี้รวมอุปกรณ์ที่จำเป็นและครูฝึก) ส่วนหลักสูตรร่มร่อนที่โรงเรียน Zero Paragliding ใช้เวลาเรียน 4 ชั่วโมง ในราคา 7,000 เยน
6. พิพิธภัณฑ์ทรายทตโตะริ
ไม่ไกลจากเนินทรายนัก คุณจะพบกับพิพิธภัณฑ์ทรายทตโตริ ที่นี่คุณสามารถพบกับประติมากรรมทรายขนาดใหญ่ที่จัดแสดงโดยศิลปินจากทั่วโลก แต่ก่อนนิทรรศการถูกจัดขึ้นกลางแจ้งในอาคารชั่วคราว หลังจากนั้นจึงได้ก่อตั้งอาคารหลักเพื่อจัดงานแสดงและเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่จัดแสดงประติมากรรมที่ทำจากทราย นิทรรศการนี้มีการเปลี่ยนแปลงทุกปีและเริ่มตั้งแต่กลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนมกราคม ถ้าหากอยากเยี่ยมชมที่นี่แล้วล่ะก็วางแผนกันให้ดีๆก่อนที่จะไปนะ
7. เมืองยอดนักสืบโคนัน
เหล่าแฟนคลับของการ์ตูนมังงะชื่อดัง “ยอดนักสืบโคนัน” ไม่ควรพลาดเมืองนี้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ โงะโชะ อาโอยามะ ผู้ซึ่งวาดการ์ตูนมังงะเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายสิบปี ชื่อเดิมของเมืองคือ โอขุเออิ แต่ทว่าสถานนีรถไฟของเมืองได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “สถานนีโคนัน” ในปี 2013 ที่สถานนีมีร้านขายของที่ระลึกและหนังสือจากการ์ตูนเรื่องนี้มากมายที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น รวมไปถึงข้อมูลการท่องเที่ยวเกี่ยวกับถนนโคนัน สะพานโคนัน และโรงงานมังงะ โงะโชะ อาโอยามะ (Gōshō Aoyama) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดขึ้นในปี 2007 เพื่อจัดแสดงผลงานการ์ตูนของนักวาดผู้นี้
8. ศาลฮาขุโตะ
ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งใกล้กับเมืองทตโตริ ผู้คนเชื่อว่าศาลฮาขุโตะเป็นแหล่งกำเนิดของตำนานกระต่ายขาวแห่งอินาบะ ตำนานนี้นับย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 8 ได้มีการกล่าวกันว่าวิญญาณของกระต่ายนั้นได้รับการประดิษฐานที่นี่และรอบๆศาลเจ้าคุณจะพบกับรูปปั้นกระต่ายขนาดเล็กตั้งอยู่มากมาย ในตำนานเล่าว่ากระต่ายเป็นแม่สื่อระหว่างเทพโอขุนิชิ และ เจ้าหญิงยากามิ ทำให้ที่นี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศาลเจ้าที่ให้โชคด้านความรักและการแต่งงาน
9. วัดคานอน-อิน
วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยครอบครัวอิเคะดะในสมัยเอโดะ คานอน-อินเป็นวัดของนิกายเท็นได ของพุทธศาสนา และมีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น โดยมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบบริเวณไปด้วยต้นไม้ที่มีการตกแต่งอย่างสมบูรณ์ บ่อน้ำประกอบด้วยเกาะเล็กๆ ที่เป็นตัวแทนของนกกระเรียนและเต่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่แข็งแรง แค่เพียงคุณมานั่งพักผ่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและชมสวนสวยๆแห่งนี้ พร้อมกับจิบชามัทฉะสดซึ่งขายในอาคารวัด ทานคู่กับขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีไม่ใช่น้อย
10. คุราโยชิ ออนเซ็น
คุราโยชิเป็นเมืองปราสาทเก่าที่มีทิวทัศน์ดั่งภาพวาด ในเมืองมีโรงแรมสไตล์เรียวกัง (บ้านสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม) ที่มีออนเซ็นอยู่มากมายให้คุณเลือกสรร เช่น เซคิกาเนะ ออนเซ็น ซึ่งออนเซ็นที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของแร่ธาตุที่มีปริมาณสูง แต่ไม่มีกลิ่นและน้ำยังใส่สะอาดอีกด้วย - และที่นี่ก็ติดอันดับออนเซ็นที่ดีที่สุด 100 แห่งในญี่ปุ่นอีกด้วย หลังจากเดินทางทั้งวันแล้ว การได้แช่ออนเซ็นในคุราโยชิจะทำให้คุณผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในทตโตริในวันต่อไป