“ทริปนี้ เราจะปั่นจักรยานข้ามเกาะ!”
ญี่ปุ่นเป็นประเทศหมู่เกาะ และมีสัดส่วนประชากรปั่นจักรยานมากเป็นอันดับเจ็ดของโลก ถึงแม้ดูจะไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่มันจะดีแค่ไหน ถ้าเราได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นสองอย่างนี้ไปพร้อมๆกัน แถมในเวปไซต์ยังบอกว่า “ผู้ปั่นระดับเริ่มต้น คุณทำได้!” ไม่แน่ใจว่าเป็นคำปลุกใจหรือเป็นความจริง แต่เราก็ได้ตรวจสอบสภาพอากาศ ลงทะเบียนทางเวปไซต์ เพื่อปั่นจักรยานข้ามเกาะ หกเกาะ ผ่าน Shimanami Kaido
Shimanami Kaido ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเกาะใหญ่ฮอนชู (เมืองโอโนมิจิ) และเกาะเล็กชิโกกุ (เมืองอิมาบาริ) เข้าด้วยกัน แต่ระหว่างทางทะเล มีเกาะเล็กเกาะน้อยมาขวาง จึงได้มีการปรับปรุงถนนบนเกาะ และสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเกาะ จนเป็นทางพิเศษต่อเนื่องยาว 60 กิโลเมตร
เราเริ่มต้นจากสถานี เจอาร์โอโนมิจิ เดินไปไม่เท่าไรก็ถึงที่เช่าจักรยาน ขึ้นเรือข้ามไปที่เกาะแรกแล้วก็เริ่มปั่น เกาะเหล่านี้มีผู้คนอาศัยอยู่จริงๆ ส่วนใหญ่ทำการเกษตรเช่นปลูกผัก ปลูกส้ม นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใกล้ๆว่า แปลงผักญี่ปุ่นที่เรียงกันน่ารัก เกิดจากการเอาพลาสติก เจาะรูจัดระเบียบแล้วคลุมก่อนหว่านเมล็ดพืช ส้มลูกอวบๆอยู่ห่างแค่ปลายจมูก น่ากินจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองเอาไว้ แม่บ้านกำลังสะบัดผ้านวมผึ่งแดด กลุ่มชายญี่ปุ่นร่างกำยำผิวเข้มทำงานอย่างขะมักเขม้นในโรงงานต่อเรือขนาดย่อม น่าแปลกที่เราปั่นจักรยานตลอดเวลา แต่รู้สึกเหมือนอยู่นิ่งๆ สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวนั้น กลับกลายเป็นชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นที่อยู่สองข้างทางของเราต่างหาก
ขณะกำลังเพลิดเพลินจนถึงอีกด้านของเกาะ เงยหน้าขึ้นไป เจอสะพานที่อยู่สูงหนีระดับน้ำทะเล น่องอันบอบบางเริ่มเกิดอาการสั่นไหว แต่ใจยังสู้ นักปั่นระดับเริ่มต้นจึงได้เรียนรู้การใช้เกียร์จนครบทั้งแปดเกียร์ สะพานข้ามเกาะนั้นยาวสุดลูกหูลูกตา และเราต้องปั่นใต้รถยนต์ เหมือนรถวิ่งชั้นสองและจักรยานวิ่งชั้นหนึ่ง แต่เมื่อเริ่มปั่นก็พบว่า สะพานนั้นมั่นคงดี ถึงจะปั่นอยู่ชั้นล่างก็ไม่โคลงเคลง สองข้างเป็นเส้นเหล็กที่หนาพอที่จะรู้สึกปลอดภัย แต่ก็บางพอที่จะได้รับลมเย็นๆที่พัดมา มองออกไปเห็นทะเลสีฟ้าใสอยู่รอบๆ
ด้านซ้ายเป็นอากาศ ด้านขวาเป็นดวงอาทิตย์ ด้านล่างเป็นทะเล และบนหัวเราเป็นรถยนต์ ข้างหน้าไม่มีคน ข้างหลังไม่มีใคร ช่างเป็นพิกัดบนโลกใบนี้ที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ความรู้สึกนี้ทำให้แอบหวังว่า สะพานจะยาวสักยี่สิบกิโลเมตร แต่ยาวไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เพราะมีให้อีกห้าสะพาน ขึ้นลงภูเขาอีกเกือบสิบครั้ง เหลือเวลาอีกหกชั่วโมง ไม่แน่ใจว่าจะปั่นไปถึงเส้นชัยหรือไม่ แต่สิ่งที่เราผ่านและผ่านเราไป บน Shimanami Kaido ทำให้เราเข้าใจคำกล่าวของใครซักคนที่เคยพูดไว้ว่า
“จุดหมาย ไม่สำคัญเท่า การเดินทาง”