สำหรับคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นก็คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ถ้าอยากจะทานอาหารญี่ปุ่นประเภทปลาดิบซาชิมิหรือซูชิสดๆคุณภาพเยี่ยมแล้วหละก็ คุณต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวที่เกาะฮอกไกโดอย่างแน่นอน ที่ที่เต็มไปด้วยแหล่งจับปลาขึ้นชื่อและเมืองท่าอันเก่าแก่ แต่ภายในเกาะฮอกไกโดก็ยังมีร้านซูชินับหมื่นร้านกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งเกาะทุกมุมเมือง วันนี้ครับผมจะมาแนะนำร้านซูชิแบบไม่ธรรมดาให้คุณผู้อ่านได้ติดตามกัน ความพิเศษของร้านซูชิร้านนี้อยู่ที่ความพิถีพิถันและความละเอียดอ่อนในการคัดสรรปลาดิบ “การเลือกปลาดีออกมาจากถังปลาแย่มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่นี่คือฮอกไกโด เรามีแต่ปลาดี มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกปลาที่ดีกว่าออกมาจากถังปลาดี ประสบการณ์อาจจะไม่พอต้องมีพรสวรรค์ด้วย” หัวหน้าเชฟกล่าว แต่สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่นกว่าร้านอื่นนั่นก็คือ ที่นี่มีขาประจำเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าในตำนาน เรามาลองทำความรู้จักกับร้านนี้กันดีกว่าครับ ร้าน Kushiro Miyako Sushi くしろ 都寿司
สถานที่ตั้งของร้านอยู่ในตัวเมืองไม่ไกลมาจากสถานีรถไฟ การเดินทางมาที่นี่อาจจะกินเวลาพอสมควรครับ โดยเริ่มต้นขึ้นรถไฟสายเนะมุโระ (Numero Lane) จาก Sapporo มาลงที่สถานี Kushiro ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางบนรถไฟประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อมาถึงสถานี Kushiro ก็เดินลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 นาทีก็จะถึงร้านซูชิร้านนี้ ในสถานที่จริงอาจจะมองหายากหน่อยเพราะในเขตนั้นมีร้านซูชิอยู่จำนวนมากและหน้าตาใกล้เคียงกันหมด จึงควรขอแผนที่เมืองแบบละเอียดจากทางสถานีรถไฟมาครับ จะทำให้การเดินหาร้านนี้ง่ายขึ้นเยอะ ข้อดีของร้านนี้ก็คือเปิดตั้งแต่ช่วงเย็น 17:00 จนมืดค่ำ 24:30 เลยครับ แม้จะหลงทางยังไง สุดท้ายเดินทางมาถึง ร้านก็ยังเปิดให้บริการอยู่
บรรกาศภายในร้านทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ไม่ได้เป็นแค่โต๊ะเก้าอี้วางเรียงกันเหมือนร้านอื่น ร้านซูชิร้านนี้เอาใจใส่กับการตกแต่งร้านด้วยการปูพื้นด้วยหินธรรมชาติ และใช้วัสดุไม้ไผ่ในการตกแต่งภายในร้านทั้งหมด ถ้ามองจากทางประตูทางเข้าจะเห็นเคาน์เตอร์บาร์อยู่ทางซ้ายมือติดกับจุดทำซูชิของพ่อครัว นั่งได้ประมาณ 6-8 ที่ ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นห้องรับประทานอาหารแบบแยกที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่นทั่วไป มีอยู่ประมาณ 4-6 โต๊ะเท่านั้นเอง ตรงกลางร้านมีต้นไม้ปลูกไว้เล็กน้อยเพื่อความสวยงาม ผมมองว่านี่เป็นจุดแข็งของร้านอีกอย่างครับ ที่เค้าตั้งใจจัดโต๊ะน้อยๆแต่ตกแต่งมากๆ เพื่อให้บรรยากาศภายในร้านไม่แออัดและให้ความเป็นส่วนตัวแก่ลูกค้าทุกท่าน
มาถึงเมนูอาหาร โดยส่วนใหญ่จะหนักไปทางอาหารทะเลสดจำพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ไม่มีอาหารเซทแนวหมูทอด หรือราเมง เปิดเมนูขึ้นมาดูพบว่ามีรายการอาหารหลากหลายแบบตั้งแต่เป็นเซทใหญ่ไล่มาจนถึงแบบแยกเฉพาะหน้าข้าวปั้นที่เราต้องการ ผมให้ทางร้านแนะนำเมนูขึ้นชื่อของทางร้านมาให้ และก็ได้มาเป็นข้าวปั้นซูชิ 10 หน้า ประกอบไปด้วยข้าวปั้นหน้าต่างๆไม่ซ้ำกันเช่น แซลม่อน ทูน่า ปลาหมึก กุ้ง หอยเม่น หอยปีกนก ปูอัด ไข่ปลา ในราคา 4,500 เยน ซึ่งต้องถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับเมนูอื่น โดยทั่วไปอาหารร้านนี้จะราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ประมาณ 3,000 ~ 10,000 เยน ซึ่งถ้ามองด้วยตาเปล่าจะสังเกตุได้ชัดเจนเลยว่าทุกหน้าข้าวปั้นนั้นหน้าตาไม่เหมือนกับที่อื่นที่เคยทานมาเลย ให้ความรู้สึกถึงคำว่าคุณภาพเหนือชั้น ส่วนเรื่องรสชาตินี่ผมขอทั้งยืนยันและนอนยันเลยว่าสุดยอดจริงๆ ถึงขั้นที่ว่าต้องกัดทีละครึ่งคำแล้ววางพักไว้ไปกินคำอื่นสลับกัน(กลัวหมดเร็ว) ผมคงอธิบายได้แค่ว่าเนื้อปลาดิบของเค้านั้นทั้งเย็น แน่น นุ่ม และหอมมาก เป็นรสชาติที่ไม่เคยได้ชิมที่ไหนมาก่อนเลย
มันจะตื่นเต้นแค่ไหนครับ ที่นอกจากเราจะได้มีโอกาสมาทานซูชิชั้นเลิศแล้ว ยังได้เจอหัวหน้าแก๊งยากูซ่าตัวจริงอีกด้วย ก่อนที่จะมาเจอร้านนี้ผมก็ได้ยินมาบ้างแล้วว่าที่แห่งนี้เป็นร้านโปรดปรานของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเท่าไหร่เพราะไม่ได้นึกว่าตัวเองจะมีวาสนาได้เห็นกับตา ผมเดินทางไปถึงร้านราวๆ 21:00น. ภายในร้านไม่มีลูกค้าเลยครับ มีเพียง 2 พ่อครัวกับอีก 1 พนักงานเสิร์ฟในชุดกิโมโน พวกเราเลือกที่จะไปนั่งทางฝั่งขวาที่เป็นโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับ 4 คน หลังจากสั่งอาหารเสร็จผมก็สอบถามเล่นๆกับทางพนักงานว่ามียากูซ่ามาทานร้านนี้จริงหรือเปล่า ซึ่งพนักงานก็ตอบว่าใช่ครับและก็วิ่งไปซุบซิบกับพ่อครัวเล็กน้อยเหมือนจะไปฟ้องอะไรสักอย่าง
หลังจากที่พวกเราทานซูชิกันเสร็จเรียบร้อย คุณพ่อครัวก็เดินมาที่โต๊ะเราแล้วบอกว่า “ผมขออนุญาตแนะนำให้รู้จักกับอดีตหัวหน้าแก๊งยากูซ่า ขาประจำของร้านเราครับ” ผมมองหน้าเพื่อนแล้วคิดในใจประมาณว่า “จริงอะ?” เพื่อนผมชำเลืองมองไปเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นผู้ชายวัย 70 ปีใส่ชุดสูทยาวคลุมตัวกับหมวกทรงเจ้าพ่อสีดำนั่งทานซูชิอยู่ สองข้างมีหญิงสาวแสนสวยนั่งประกบติด คนนึงคอยป้อนซูชิ อีกคนมีหน้าที่ยื่นบุหรี่ให้สูบ ใช่แล้วครับ มียากูซ่ากำลังนั่งทานปลาดิบอยู่ห่างจากผมไม่เกิน 10 เมตรจริงๆ ที่น่าแปลกใจก็คือเค้ามนุษยสัมพันธ์ดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสและไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่น่ากลัวก็คือมือของเค้าทั้งสองข้างไม่มีนิ้วมือ กลมเหมือนมือของโดเรม่อน นั่นก็คงเป็นเหตุที่ว่าทำไมถึงมีหญิงสาวคอยบริการทุกอย่าง สืบสาวเท้าความมาได้ว่าการตัดนิ้วเป็นหนึ่งในเจ็ดการลงโทษตามประเพณีของยากูซ่าครับ คาดว่าคุณลุงแกคงทำผิดมาเยอะอยู่เหมือนกัน และทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องราวของการไปทานซูชิอร่อยเหาะของร้าน Miyako Sushi ที่ Kushiro ผมจึงขอเรียกว่าเป็น “ซูชิรสยากูซ่า” ขนานแท้แล้วกันครับ