จากสถานี Sapporo JR นั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku ลงสถานี Susukino จากข้อมูลที่อ่านมาบอกให้ไปทางออก 5 เมื่อเดินออกมาก็พบกับแสงสีของย่านคนนอนดึก Susukino ชวนให้เดินหลงวนกันไปมาหาตรอกราเมงไม่เจอ ควักแผนที่ออกมาถามสาวน้อยญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ยืนบริเวณนั้น เธอชี้ให้ไปทางขวาแล้วเลี้ยวขวาอีก 2 ที เดินตามที่เธอบอกก็พบว่าเป็นทางที่เราเดินผ่านกันมาแล้ว เราเกือบจะถอดใจกลับกันแล้ว แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายแสงไฟวิบวับบริเวณกลางซอยแห่งหนึ่ง มีคนเดินเข้าออก เมื่อเดินไปถึงก็พบว่ามีตรอกเล็กๆ แคบๆ ให้เดินเข้าไป มีป้ายร้านราเมงเรียงรายจนสุดตรอกนั้น เราค้นพบตรอกราเมงอันโด่งดังแล้ว แต่ปัญหาเราก็มีต่อไปว่า จะไปตรอกราเมงเก่า หรือตรอกราเมงใหม่ที่อยู่เยื้องๆกันดี เมื่อลองเดินสำรวจตรอกเก่าก็พบว่า บางทีทางเลือกก็มีให้เราไม่มากนัก เนื่องจากแต่ละร้านเล็กมาก มีที่นั่งประมาณสิบหรือไม่เกินยี่สิบ และแต่ละร้านก็เต็ม บางร้านมีคนเข้าคิวยาว นอกจากนี้เมนูต่างๆที่แปะอยู่ตามหน้าร้านก็มีมากมายจนเลือกไม่ถูก เราเห็นร้านหนึ่งเพิ่งมีคนลุกออกไป และยังไม่มีใครมาต่อแถว จึงได้โอกาสเข้าไปนั่งทันที ร้านคุนิมิซึ ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลดำ เรียบง่าย มีที่นั่งประมาณสิบกว่าที่ ล้อมรอบบริเวณที่พ่อครัววัยรุ่นปรุงราเมง เราศึกษาเมนูและสังเกตลูกค้ารอบข้าง จึงได้สั่งมิโซะราเมงซึ่งเป็นราเมงชามเด็ดของร้านนี้ ราเมงร้านนี้ชามใหญ่มาก เราไปกันผู้หญิงสองคน คาดว่าจะทานไม่หมด เลยสั่งมาแค่ชามเดียว พร้อมด้วยเกี๊ยวซ่า ขณะที่กำลังคิดปั้นภาษาญี่ปุ่นเพื่อสั่งชามเปล่ามาเพิ่ม พ่อครัววัยรุ่นคนนั้นก็ปาดเอาชามเปล่าพร้อมตะเกียบมาวางหน้าเหมือนรู้ทันความคิดเรา บริการได้ยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเราก้มหน้าก้มตาหัวเราะคิกคักทานราเมง และเกี๊ยวซ่ากันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อทานอิ่มพวกเราเดินกลับที่พักบริเวณสถานีรถไฟ Sapporo JR ได้ไม่ไกลมาก จึงไม่จำเป็นต้องนั่งรถไฟใต้ดินกลับ และยังได้แวะช้อปปิ้งบริเวณ Tanuki Koji ก่อนกลับด้วย
Rujiko Chan
- ใช้เวลาอ่าน 1 นาที