ประวัติของปราสาทอาโกะนั้นเริ่มขึ้นในปีค.ศ.1466 เมื่อโอกะ มัตซูฮิโระได้เริ่มปลูกฐานรากของปราสาทในสมัยเซนโกคุช่วงต้น และได้อิเคดะ นากะมาซะ เข้ามาสานต่อจนเสร็จเป็นปราสาทโอดางะในยุคหลังสงครามเซกิงะฮาระ ต่อมาในปีค.ศ. 1615 ในสมัยที่ อาซาโนะ นากาโนะ รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองอาโกะนั้น ปราสาทอาโกะ (Akō-jō) ได้ถูกปลูกสร้างขึ้นต่อจากอย่างยิ่งใหญ่ริมชายฝั่งทะเล โดยการก่อสร้างซุ้มประตูทั้ง12 และหอคอยทั้ง10ใช้เวลาก่อสร้างเป็นเวลาถึง 13 ปีด้วยกัน
ปราสาทอาโกะนั้นยังเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าซามูไรไร้นาย หรือ Forty-seven Ronin ได้บุกเข้ามาในปีค.ศ.1466เพื่อแก้แค้นให้ นางาโนริ อาซาโนะ นายเหนือหัวของพวกเขาด้วยการสังหาร โยชินากะ คิระ แต่ในที่สุดแล้วก็ถูกสั่งให้ปลิดชีพตนเองและตั้งสุสานอยู่ที่วัดเซนกาคุจิ,โตเกียว และเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ความกล้าหาญของ โยชิโอะ โออิชิ แม่ทัพของเหล่าซามูไรไร้นายเหล่านี้ จึงมีการตั้งศาลเจ้าโออิชิ เอาไว้ในบริเวณปราสาทและจัดให้มีงานเฉลิมฉลองในวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี
อย่างไรก็ดีเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่สมัยฟื้นฟูยุคเมจิ (ค.ศ.1678) รัฐบาลในสมัยนั้นได้ออกกฎหมายที่เรียกว่า “Castle Abolishment Law” โดยมีคำสั่งให้รื้อถอนปราสาทโบราณหลายหลังเพื่อลบล้างสัญลักษณ์ของระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ทำให้ในเวลาเพียง 7 ปีให้หลัง ปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะจำนวน170แห่งถูกรื้อถอนออกไปถึง 2/3 ส่วนของปราสาททั้งหมด และเมื่อการซ่อมบำรุงโบราณสถานเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ปราสาทอาโกะแห่งนี้ก็ถูกทึ้งให้ทรุดโทรมไร้คนเหลียวแลตั้งแต่ปีค.ศ. 1873 เป็นต้นมา
แต่หลังจากนั้นเมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่สมัยสงครามโลกครั้งที่2 และถูกเปิดฉากโจมตีทางอากาศ สถาปัตยกรรมเหล่านี้ได้ถูกอานุภาพของระเบิดปรมาณูทำลายจนเสียหายหรือวอดวายไปจนสิ้น และความสิ้นหวังในช่วงเวลาที่บ้านเมืองต้องก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้นี่เอง ที่ปลุกระดมให้ชาวญี่ปุ่นลุกขึ้นมาบูรณะสมบัติของชาติที่ถูกลืมเหล่านี้ให้กลับมาเด่นตระหง่านอีกครั้ง
สำหรับปราสาทอาโกะแห่งนี้นั้นถึงแม้บางส่วนอาจเหลือแค่เพียงซากความทรงจำ แต่ร่องรอยของสิ่งปลูกสร้างที่เหลืออยู่นั้นมิได้เสื่อมคลายความน่าสนใจแม้แต่น้อย หากเราลองพิจารณาจากแผนที่ปราสาทแล้ว จะเห็นว่าตัวปราสาทมีการวางตำแหน่งสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ โดยจัดวางรูปแบบปราสาทเป็นเหลี่ยมมุมคล้ายลูกศรเพื่อสร้างทัศนวิสัยที่เหนือกว่าในการต่อกรกับข้าศึก ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็มีการใช้งานที่ป้อมปราการ 5 แฉกโกเรียวคาคุ ที่เมืองฮาโกดาเตะด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เรายังสามารถมองเห็นตัวรากฐานของปราสาทที่ถูกสร้างทิ้งเอาไว้เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างต่อในสมัยรัฐบาลโทคุกาวะ
ในช่วงซากุระบานและฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทอาโกะนั้นก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การเดินชมดอกซากุระและใบโมมิจิสีแดงเพลิงร่วงหล่นตามทางเดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ชื่นชมทิวทัศน์จากสะพานหินและเฝ้าดูภาพวาดของฤดูใบไม้ผลิสาดแสงสะท้อนทาบทับบนคูน้ำที่โอบล้อมตัวปราสาท หรือเดินเท้าเข้าไปยังสวนนิโนมารุซึ่งกำลังได้รับการฟื้นฟูให้งดงามดังเดิม
หากนักท่องเที่ยวท่านใดต้องการเข้าชมปราสาทแห่งนี้ สามารถขึ้นรถประจำทางสายโอกายามะและฮิเมจิมาลงที่สถานี JR Banshu Ako Station มาลงที่แล้วเดินเท้าต่อเข้ามาที่ปราสาทอีกประมาณ15นาที การเข้าชมซากปราสาทไม่เสียค่าเข้าชมแต่เราสามารถช่วยค่าบำรุงรักษาสถานที่ได้ด้วยการซื้อแผนที่ปราสาทญี่ปุ่นที่วางขายที่นั่นได้ค่ะ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หากท่านใดมีโอกาสได้มาเยี่ยมเมืองอาโกะ ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวชมที่ซากปราสาทอาโกะกันบ้างนะคะ