ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางไปที่เมืองฮิไรซูมิจังหวัดอิวาเตะเพื่อเยี่ยมชมวัดต่างๆที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แน่นอนว่าวัดเหล่านี้เป็นอะไรที่ต้องเยี่ยมชมอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นพวกที่รักการชื่นชมทัศนียภาพของธรรมชาติ ผ่านมาบริเวณนี้แล้วอย่าพลาดเด็ดขาดที่จะไปเยี่ยมชมช่องเขาเกบิเคย์ที่แสนงดงามและอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเกนบิเคย์ ชื่อทั้งสองนี้ใกล้เคียงกันมาก ระวังอย่าไปผิด มันเป็นคนละสถานที่กัน ถ้าให้ง่ายก็แวะไปชมทั้งคู่เลยก็ได้!
เกบิเคย์อยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองฮิไรซูมิ การเดินทางที่ง่ายที่สุดคือใช้ local bus จากสถานีฮิไรซูมิ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เนื่องด้วยอยู่ห่างไกลซักหน่อย จำนวนเที่ยวรถก็จะมีไม่มากนัก รถบัสรอบสุดท้ายเพื่อกลับไปที่ฮิไรซูมิออกจากช่องเขาเกบิเคย์ประมาณ 4 โมงเย็น เนื่องจากพวกถึงเกบิเคย์ตอน 3โมงครึ่ง (ก่อนหน้านี้ใช้เวลาหมดไปกับวัดต่างๆในบริเวณมรดกโลก) ขากลับเราจึงต้องใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อกลับไปที่ สถานีอิชิโนเซกิ เพื่อต่อรถไฟชินคันเซ็นกลับโตเกียว ใช้เวลา 20 นาที ค่าแท็กซี่ 4000 เยน
การเยี่ยมชมบริเวณช่องเขาเกบิเคย์จะใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำผ่านช่องเขา สองฝากฝั่งแม่น้ำจะเป็นหน้าผาสูงราว 100 เมตร มีคนบอกมาว่าในฤดูหนาวจะมีการติดหลังคาให้บนเรือและจะมีโต๊ะโคทัตซึ (เป็นโต๊ะเตี้ยๆที่มีผ้าห่มและฮีทเตอร์ติดอยู่) ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องอากาศหนาวเลย ฤดูใบไม้ร่วงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยี่ยมชม เพราะทั้งช่องเขาเกบิเคย์จะปกคลุมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีที่แสนงดงาม (พวกเราไปเร็วเกินไปเลยไม่ได้เห็น แต่ผมได้เห็นรูปมาบ้างและยังตบกบาลตัวเองว่าทำไมไม่ยอมรออีกซัก 2-3 เดือน)
ล่องเรือทั้งรอบใช้เวลาประมาณ 90 นาที (อย่าลืมดูตารางออกเรือก่อน เวลาที่เรือจะออกจะแตกต่างกันในแต่ละฤดู) เวลา 1ชั่วโมงครึ่งของการล่องเรือจะรวมถึงเวลาที่เราจะได้ลงจากเรือเดินเล่นในบริเวณช่องเขาด้วย ในบริเวณของช่องเขาที่เราได้ลงไปเดิน อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำเราจะสังเกตุเห็นรูบนหุบเขารูหนึ่ง คุณสามารถซื้อหินก้อนๆเล็ก 5 ก้อนเอามาลองโยนให้เข้าไปในรูปนั้น ว่ากันว่าถ้าใครที่โยนเข้าไปได้ก็จะนำพาโชคลาภเข้ามาหาตัว แต่หลายๆคนก็มักจะหยิบหินจากพื้นดินมาเพื่อลองโยนคว้าโชคมากกว่าจะซื้อ และในตอนล่องเรือขากลับไกด์บนเรือยังได้ร้องเพลงพื้นบ้านให้เราฟังกันอีกด้วย
