นักท่องเที่ยวจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังเกียวโตเพื่อสัมผัสกับญี่ปุ่นแบบเก่าแก่แต่ประสบการณ์ที่เรียบง่าย เงียบสงบ สมจริงมากกว่าสามารถพบได้ในคาซาชิมะบนเกาะฮอนจิมะ เกาะเล็กๆในทะเลเซโตะและเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะชิวากุ
บ้านแบบดั้งเดิมของเมืองแห่งปราสาทสมัยก่อนและทิวทัศน์ในท้องถิ่นได้รับการสถาปนาให้เป็นโซนอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่มีเนื้อที่ 13.1 เฮกตาร์ แม้ว่าจะไม่มีปราสาทบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นเมืองคาซาชิมะได้อีกต่อไปแล้ว ด้านใต้ภูเขาก็มีบ้านเรือนเก่าแก่อันสวยงามที่สร้างในสมัยเอโดะและเมจิมากกว่า 100 หลังโดยช่างไม้ชิวากุสร้างถนนแคบๆให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในญี่ปุ่นสมัยก่อน
ตามแบบฉบับของเมืองแห่งปราสาทญี่ปุ่น จะมีการตัดถนนในมุมที่แปลกและโค้งเล็กน้อยเพื่อให้ยากต่อการถูกโจมตีและง่ายต่อการป้องกันซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะเจอร้านค้าแปลกๆที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุมรอให้คุณมาถ่ายรูป
เกาะฮอนจิมะและหมู่เกาะโดยรอบเป็นบ้านของลูกเรือที่มีฝีมือเป็นที่รู้จักกันในชื่อชิวากุ ซุอิกุน ซามูไรแห่งท้องทะเล! พวกเขามีทักษะในการต่อเรือและในภายหลังพวกเขาหันมาใช้ทักษะการต่อเรือมาสร้างบ้านที่ดีและแข็งแรงแทนซึ่งบ้านเหล่านั้นยังคงอยู่ถึงวันนี้
บ้านสมัยก่อนบางหลังเปิดให้คนเข้าชม บางหลังเปิดเป็นที่พักแรม เช่น บ้านยากาตะบูเนะอายุ 140 ปีที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นที่พักสไตล์ B&B ห้องพักมีจำนวนจำกัดและอาหารเป็นแบบดั้งเดิมสไตล์ฮอนจิมะคือเป็นสัตว์ทะเลที่จับได้ ค่าที่พัก 1 คืนพร้อมอาหารค่ำและอาหารเช้าราคา 8,000 เยน เจ้าของคือคุณทาคาชิมะ เธอไม่พูดภาษาอังกฤษแต่เธอเป็นหญิงชราที่มักยื่นมือเข้าช่วยเหลือแขกตลอด มีร้านอาหารใกล้ท่าเรือเปิดเกือบทุกวัน บนเกาะไม่มีร้านสะดวกซื้อ, ร้านกาแฟหรือร้านค้า สัญญาณโทรศัพท์มือถือมีเป็นระยะๆ ไม่มีป้ายบอกทางหรือข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเลย หากคุณต้องการเที่ยวชมรอบๆเกาะ สามารถเช่าจักรยานใกล้ท่าเรือได้ ราคาอยู่ที่ 500 เยนต่อคัน ฟังดูเยี่ยมไหม!
เกาะฮอนจิมะในสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดเคยมีประชากรประมาณ 3,000 คนแต่ตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 450 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่ยังไงมันก็ยังเป็นเกาะที่มีประชากรเยอะที่สุดในหมู่เกาะชิวากุอยู่ดี แม้ว่าเกาะจะเล็กแต่มันก็มีหลายๆกิจกรรมให้ทำ นอกเหนือจากบ้านเก่าแก่มีวัดกว่า 33 แห่งบนเกาะซึ่งวัดก็เหมือนบ้านเลยที่สร้างโดยช่างต่อเรือ นอกจากนี้ยังมีสำนักงานผู้พิพากษาเก่าแก่สมัยเอโดะซึ่งตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น มันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติที่มีค่าเข้าชมเพียง 200 เยนเท่านั้นเอง
นอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง เกาะฮอนจิมะยังมีวิวที่ทันสมัยจนน่าแปลกใจอย่างสะพานเซโตะที่ยิ่งใหญ่ ถือว่าเป็น 1 ในสะพานที่ยาวที่สุดในโลก ทอดผ่านเกาะหลักของชิโคกุและฮอนชู ความยาว 13.1 กม.เป็นระบบสะพาน 2 ชั้นที่มีชั้นบนที่มีเลนจราจร 2 เลนส่วนชั้นล่างเป็นทางรถไฟ
การเดินทางมาที่นี่ต้องนั่งเรือข้ามฟากออกทุกๆ 2 ชั่วโมงจากโคจิมะ(จังหวัดโอกายาม่า)บนแผ่นดินใหญ่ของฮอนชูหรือมารุกาเมะบนชิโคกุ ค่าโดยสาร 1,200 เยนใช้เวลาเดินทาง 35 นาที เรือแล่นผ่านน่านน้ำอันสงบระหว่างทางมีเกาะเล็กๆหลายร้อยเกาะและยังมองเห็นวิวสะพานเซโตะที่ยิ่งใหญ่
ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะถือว่าเป็นคนญี่ปุ่นสมัยก่อน เป็นคนที่มีคุณค่า, อบอุ่นและเข้ากับคนอื่นง่าย,และภูมิใจกับประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขา