ในห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น (จัดสอนโดยครูอาสาสมัคร) ซึ่งผมเข้าเรียนในบางครั้งบางคราว ผมได้เรียนรู้คำพูดเปรียบเทียบที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ ยกตัวอย่างเช่น Hana yori dango ซึ่งแปลว่า ฉันอยากได้ขนมจีบซาลาเปามากกว่าดอกไม้ และ ryou te ni hana ดอกไม้เต็มสองมือ จากสำนวนแรกผมจำได้ว่าได้พูดบอกครูไปว่า : แต่เซ็นไซ ตามความจริงแล้วผมชอบดอกไม้มากกว่าขนมจีบซาลาเปา ขนมนั้นไว้ทีหลังได้ แต่ดอกซากุระบานเพียงอาทิตย์เดียว และคุณก็ต้องรีบไปชมโดยเร็ว (พร้อมกับเบียร์ในมือ) ก่อนที่ดอกไม้เหล่านั้นจะมลายหายไป สำนวนที่สอง ถ้าคุณนั่งระหว่างสาวสวยสองนาง (ryou te ni hana) คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่โชคดีสองชั้น
วันหนึ่งในเดือนตุลาคม สองสามปีมาแล้ว ผมกำลังมองหาทุ่งดอกคอสมอส ผมต้องการชมสวนธรรมชาติ และต้องการไปยังสถานที่ที่ผมสามารถเดินเล่นสบายๆ ใช้เวลาชื่นชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ร่วง แล้วผมก็ค้นเจอสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเคโอะ เลียบฝั่งแม่น้ำค่อยเดะในเมืองฟูจิสะวะ จากประตูทางทิศเหนือของสถานี JR Tsujido ผมขึ้นรถเมล์สาย 34 ที่มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเคโอะ และลงที่ป้ายคะริโคะเมะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
ริมแม่น้ำค่อยเดะซึ่งมีความยาวสามกิโลเมตรนั้น ยังคงมีดอก higanbanas หรือลิลลี่แมงมุมหลงเหลืออยู่ ดอกไม้สีแดงนี้จะเกี่ยวข้องกับดอกไม้ในสุสาน และมีชื่อว่าเป็น ดอกไม้แห่งความเศร้าโศก หรือ ดอกไม้แห่งความตาย แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมมักจะเชื่อมโยงมันเข้ากับฤดูเกี่ยวข้าว เพราะดอกไม้นี้จะเติบโตเบ่งบานตามคันนาในขณะที่รวงข้าวสุกได้ที่
ข้าวในทุ่งนาเพิ่งได้รับการเก็บเกี่ยว กองข้าวที่มัดเป็นช่อถูกแขวนไว้บนราวไม้สำหรับตากแห้ง และหญ้าแพมพัสก็เช่นกันกำลังอยู่ในช่วงเติบโตเต็มที่ ยืดต้นสูงไปสู่ท้องฟ้า
หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ผมได้พบกับกลุ่มหญิงชายผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่บนรถเข็น ทุกคนในกลุ่มมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน -ไปสู่ทุ่งดอกคอสมอส ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมักจะจัดทัวร์ชมดอกไม้ให้แก่ลูกค้าของพวกเขา
จากระยะไกล ผมมองเห็นทุ่งดอกคอสมอส เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก กลุ่มผู้สูงอายุชายหญิงที่กำลังชื่นชมกับภาพนั้น ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่ทำให้ตื้นตันใจ ผู้มีอายุแปดสิบปีหรือเกือบร้อยปีมาเผชิญหน้ากับดอกไม้ที่ไม่ถาวร สองสิ่งมาพบเจอกัน สิ่งหนึ่งมีอยู่ชั่วคราวแล้วจากไป อีกสิ่งหนึ่งอยู่มานานเกือบร้อยปี
ผมอดคิดถึงสำนวนอีกประโยคหนึ่ง ที่ผมเรียนรู้จากเซ็นไซภาษาญี่ปุ่น Shinde, hana mi ga saku mono ka ในขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ จงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ มีความสุขกับความงามของฤดูกาลต่างๆ เพราะในความตาย ไม่ว่าดอกไม้หรือผลไม้ต่างก็ไม่มีให้ชม