ช่วงเวลาสามวันที่ฉันและผู้ร่วงทางอยู่ที่คามาคุระ (Kamakura) อากาศเย็นของต้นเดือนมีนาคมกลับเย็นลงกว่าเดิม เพราะเมฆฝนและสายลมเย็นเฉียบ ทั้งสองสิ่งนี้กลับเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับป่าไผ่แห่งวัดโฮะโกะกุ-จิ กลิ่นดินชุ่มฝน เสียงใบไผ่ต้องสายลมอ่อนๆ แกว่งไกว เสียดสีกัน ดุจเพลงบรรเลงแผ่วเบา นั้นน่าฟังยิ่งนัก เดินไปบนทางระหว่างต้นไผ่ เราสัมผัสถึงความสงบของจิตใจ
วัดโฮะโกะกุ-จิ (Hokoku-ji) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ทะเกะ-เดะระ (Take-dera) ซึ่งแปลว่า วัดไม้ไผ่ เป็นวัดพุทธนิกายเซ็น ป่าไผ่แห่งวัดโฮะโกะกุ-จิมีไผ่พันธ์โมะโสะ (moso) ซึ่งเป็นไผ่ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนถึง 2000 กว่าต้น ไผ่พันธ์โมะโสะนี้เติบโตสูงถึง 28 เมตร เป็นไผ่ที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในโลก
สุดทางเดินในป่าไผ่มีศาลาแบบญี่ปุ่นเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสีเขียวเข้มของต้นไผ่ ศาลานี้เป็นโรงน้ำชาที่เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าชมได้สัมผัสกับประสบการณ์ดื่มชาชมสวนของญี่ปุ่น หากคุณซื้อตั๋วค่าเข้าชมพร้อมกับชาเขียวญี่ปุ่น (matcha tea) แค่ยื่นตั๋วให้คนชงชา แล้วหาที่นั่งสบายๆ ไม่นานคุณก็จะได้สัมผัสถ้วยชาอุ่นๆ และลิ้มรสชาเขียวร้อนๆ ท่ามกลางป่าไผ่อันร่มรื่น บางครั้งสายลมพัดผ่านมา ทิวไผ่ไหวล้อรู่ลม ประกายแสงวิววับของดวงอาทิยต์ผ่านดงไผ่งดงามยิ่งนัก
นอกจากป่าไผ่แล้ว วัดโฮะโกะกุ-จิยังมีสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความงามเช่น โคมไฟหิน รูปปั้น อ่างหิน ที่ซ่อนตัวอยู่ตามมุมต่างๆ และสวนทราย
ค่าเข้าชมวัดโฮะโกะกุ-จิ - 200 เยน
ค่าเข้าชมพร้อมกับชาเขียว – 500 เยน
จากสถานีคามาคุระไปยังวัดโฮะโกะกุ-จิ คุณสามารถขึ้นรถเมล์สาย 23 และ 24 ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
มาสัมผัสถึงความสงบของจิตใจตามวิถีเซ็น ชมความงามของสวนญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ซึมซับความงามของป่าไผ่ ฟังเพลงบรรเลงของใบไผ่ และละเลียด ละไมไปกับชาเขียวร้อนๆ ที่วัดโฮะโกะกุ-จิ ช่วงเวลาแห่งความสงบสุข..ที่ยากจะลืมเลือน