ในวันที่อากาศหนาว ฝนตกรำไร ฉันกำลังนั่งแช่บ่อน้ำพุร้อน เสียงคลื่นซัดสาดก้อนหินด้านล่าง ฉันรู้สึกเหมือนราวกับอยู่บนสวรรค์เลยล่ะ
สปาเอโนะอยู่บนเกาะเอโนะชิมะ ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ดูเหมือนระยะทางไม่ห่างไกล แต่เมื่อไปที่สปาเอโนะแล้วกลับรู้สึกเหมือนมีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครมารบกวน อีกทั้งยังมีบ่อน้ำพุร้อนอย่างมีระดับหลากหลายรูปแบบ และที่ฉันปลื้มมากเลยก็คือบ่อน้ำพุร้อนแบบ "เฉพาะสุภาพสตรี" หรือแบบ "เฉพาะคู่สามีภรรยา" แยกออกมาต่างหาก แต่กระนั้นที่นี่ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย สำหรับครอบครัวไหนที่อยากจะพาลูกเด็กเล็กแดงมาเล่นน้ำก็คงต้องผิดหวัง เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้เด็กน้อยเล่นน้ำได้นะคะ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำทั้งแบบในร่มแบบกลางแจ้ง และอีกสองสามแบบที่มีลักษณะเหมือนถ้ำเปิดสู่ท้องทะเลอีกด้วย อีกทั้งยังมีห้องเซาว์น่าและอ่างน้ำวน ซึ่งเราสามารถสวมชุดว่ายน้ำได้ตามต้องการ เว้นแต่ว่าอยากจะแยกไปแช่ในอ่างน้ำแบบสไตล์ญี่ปุ่นก็ไปเปลี่ยนชุดในห้องล็อกเกอร์ได้ค่ะ
บริเวณชั้นสี่จะเป็นส่วนของสปาเบ็งเต็ง เป็นสปาที่มีลักษณะแบบอาเซียน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ส่วนชั้นสองจะเป็นสปาเพื่อสุขภาพที่เน้นไปทางการนวดสไตล์ญี่ปุ่น
เมื่อได้มาใช้เวลาตลอดทั้งวันที่สปาเอโนะ มันช่างเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์จริงๆ ทั้งตอนที่แช่ในน้ำในสระว่ายน้ำ และตอนไปทำสปา แล้วก็อย่าลืมไปรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนบนชั้นสี่ด้วยนะคะ ที่นี่มีวิวดีๆ ของชายหาดโชนังให้เราดู และยิ่งถ้าอากาศแจ่มใส คุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยล่ะ
เวลาเข้าไปในสปาเอโนะ นักท่องเที่ยวต้องถอดรองเท้าและเก็บไว้ในล็อกเกอร์ด้วยนะคะ โดยกุญแจจะถูกถอดออกไปเก็บไว้ที่ฟรอนท์ และจะได้รับชาร์จการ์ดมาแทน โดยทุกอย่างต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าธรรมเนียมแรกเข้าด้วย โดยจะเสียเงินตอนก่อนเดินทางกลับนั่นเองค่ะ
พนักงานที่ฟรอนท์จะห้ามไม่ให้ใครก็ตามที่มีรอยสักหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วพนักงานจะแจกถุงตาข่ายที่บรรจุผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว และเสื้อคลุมอาบน้ำ ถ้าหากคุณอยากไปทำสปา ฉันขอแนะนำให้ไปจองก่อนนะคะ
แต่ถ้าคุณไม่อยากใช้เวลาทั้งวันอยู่แค่ในสปาเอโนะ คุณสามารถออกไปสำรวจรอบๆ เกาะได้ เดินไปไม่กี่นาทีคุณก็จะเจอพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเอโนะชิมะ และสามารถนั่งรถไฟไปคามากุระได้ที่เอโนะเด็ง หรือสถานีรถไฟเอโนะชิมะค่ะ