นี่ล่ะ! มุมขวัญใจมหาชน > ไม่ว่าจะวัยไหนก็อยากซนในมุมนี้กันทั้งนั้น เช่นเดียวกับแก๊งค์ 3 หนุ่มน้อยชาวญี่ปุ่นนี้ที่กำลังปีนป่ายท่อน้ำกันอย่างสนุกสนาน สำหรับมุมป๊อบปูล่าห์มหาชนนี้ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของพิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio ซึ่งแน่นอนว่านี่คือฉากสัญลักษณ์ที่ทุกคนจดจำกันได้แม่นยำว่ามาจากการ์ตูนเรื่องโดราเอม่อนนั่นเอง (เครดิตรูปภาพ: Tada Ratchagit)

อั๊ง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ...

ไปเยี่ยม...โด...ราเอม่อน

นี่ล่ะ! มุมขวัญใจมหาชน > ไม่ว่าจะวัยไหนก็อยากซนในมุมนี้กันทั้งนั้น เช่นเดียวกับแก๊งค์ 3 หนุ่มน้อยชาวญี่ปุ่นนี้ที่กำลังปีนป่ายท่อน้ำกันอย่างสนุกสนาน สำหรับมุมป๊อบปูล่าห์มหาชนนี้ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของพิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio ซึ่งแน่นอนว่านี่คือฉากสัญลักษณ์ที่ทุกคนจดจำกันได้แม่นยำว่ามาจากการ์ตูนเรื่องโดราเอม่อนนั่นเอง (เครดิตรูปภาพ: Tada Ratchagit)
Tada Ratchagit   - ใช้เวลาอ่าน 2 นาที

ในปี ค.ศ.2008 นั้น โดราเอม่อน (ドラえもん / Doraemon) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า โดเรม่อน นั้นได้ถูกกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นประกาศให้เป็นทูตสัมพันธไมตรีแห่งชาติซึ่งนี่คือเป็นตัวการ์ตูนตัวแรกที่ได้รับเกียรตินี้ในการเป็นตัวแทนเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นไปทั่วโลก ... แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าบิดาผู้ให้กำเนิดเขานั้นไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย

ในปี ค.ศ.1996 อาจารย์ Fujiko F. Fujio บิดาผู้ให้กำเนิดลายเส้นแมวหุ่นยนต์ตัวกลมสีฟ้านี้ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 63 ปี ท่านได้ผลิตผลงานการ์ตูนอันเป็นของขวัญให้โลกใบนี้กว่า 15 เรื่อง แล้วก็แน่นอนว่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จจนเข้าไปอยู่ในใจคนทั่วโลกนั้นก็คือการ์ตูนเรื่องโดเรม่อนนี่เอง ... โดเรม่อนนั้นถูกผลิตเป็นการ์ตูนกว่า 1,344 ตอน (ฉบับดั้งเดิม) จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ มันถูกแปลไปเป็นภาษาต่างๆ มากมายทั่วโลก ได้รับรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมจากหลากหลายเวทีซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Osamu Tezuka Culture Award ในปี ค.ศ.1997 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งนี่คือปรมจารย์การ์ตูนระดับโลกอีกท่านที่ Fujiko F. Fujio นับถือและถือเป็นต้นแบบ ซึ่งก็เช่นเดียวกับอาจารย์ Osamu Tezuka ที่ได้เห็นลายเส้นมหัศจรรย์ครั้งแรกของเด็กมัธยมคนหนึ่งที่ชื่อ Hiroshi Fujimoto แล้วถึงกับวางไม่ลงและบอกว่ามันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความใหม่ของวงการการ์ตูนที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ... อ้อ! ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ลองแวะไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์กันดูนะครับ ;)

เจ้าบ้านอย่างโดเรม่อนนั้นเป็นผู้รับแขกที่ดีเยี่ยมทีเดียว เรื่องราวของโดเรม่อนในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นมีเกือบจะ 80% จนพิพิธภัณฑ์อัตชีวประวัติของปรมจารย์ Fujiko F. Fujio นั้นถูกเรียกเป็นชื่อเล่นติดปากว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอม่อน ไปแล้วล่ะ ... พิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio Museum นี้สร้างอุทิศให้แก่นักเขียนการ์ตูนชื่อก้องโลกที่มีชื่อในชีวิตจริงว่า Hiroshi Fujimoto แต่อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้มีการ์ตูนที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในนาม Fujio Fujiko ซึ่งมีสองเพื่อนซี้ร่วมมือร่วมแรงกันอย่าง Hiroshi Fujimoto (Fujiko F. Fujio) และ Motoo Abiko (Fujiko Fujio (A)) ให้กำเนิดผลงานที่มีชื่อเสียงครั้งแรกในปี ค.ศ.1964 เรื่อง ผีน้อยคิวทาโร่ (オバケのQ(キュー)太郎 / Qbake no Q-taro) ซึ่งคนไทยก็รู้จักกันเป็นอย่างดีเช่นกัน

ผลงานเดี่ยวของอาจารย์ Fujiko F. Fujio นั้นเริ่มต้นจริงๆ เมื่อปี ค.ศ. 1967 กับเรื่อง Perman (パーマン) หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า ปาร์แมน นั่นเอง หลังจากนั้นก็ตามมาอีกหลายเรื่องก่อนที่จะเริ่มต้นก่อกำเนิดโดเรม่อนซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1969 และตามมาด้วยผลงานอีกมากมาย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกจัดแสดงผสมผสานที่ไปที่มาของการ์ตูนบางตอนซึ่งหยิบยกตัวอย่างอันน่าสนใจมาเล่าให้ฟังอย่างน่าติดตามทีเดียว นิทรรศการการ์ตูนนั้นจัดไว้ได้อย่างทันสมัยดูสนุก ตลอดระยะทางนั้นแทรกไปด้วยอัตชีวประวัติของปรมจารย์การ์ตูนของโลกคนนี้ที่น่าค้นหาโดยเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นเราอาจไม่เคยรู้จักชีวิตของท่านเลยด้วยซ้ำ

ความสนุกที่มาพร้อมกับความประทับใจนั้นหาได้ไม่ยากจากที่นี่ ... หลังจากผ่านนิทรรศการน่าดูชมไปแล้วเรายังสามารถเข้าชมอนิเมชั่นพิเศษๆ ที่ทางพิพิธภัณฑ์หมุนเวียนจัดมาฉายให้ชมแบบเฉพาะกิจซึ่งหาชมที่ไหนไม่ได้อีกด้วย แต่ทีเด็ดอีกอย่างที่ทุกคนทุกเพศทุกวัยชื่นชอบกันนั้นรอเราอยู่บนชั้นดาดฟ้า เพราะนอกจากร้านอาหารและร้านขนมที่จำหน่ายหลายหลายเมนูอร่อยอันได้รับแรงบันดาลใจมาจากโดเรม่อนผองเพื่อนการ์ตูนอื่นๆ แล้ว ที่ชั้นนี้ยังเป็นลานธรรมชาติกว้างขวางแนบอิงภูเขา โดยสวนสาธารณะขนาดย่อมนี้ได้นำเอาคาแร็ตเตอร์การ์ตูนต่างๆ มาสร้างเป็นหุ่น 3 มิติ ให้เราได้สัมผัสและถ่ายรูปเก็บความประทับใจกันอย่างใกล้ชิด ... แต่มุมยอดฮิตที่ใครเห็นปุ๊บต้องหลงรักปั๊บและขุดความทรงจำอันแสนประทับใจขึ้นมาได้ทันทีนั่นก็คือมุมท่อน้ำขนาดใหญ่สามอันวางซ้อนกันอยู่ในสวนสาธารณะอันเป็นเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งซึ่งปรากฏเสมอๆ ภายในเล่ม ที่เรารู้กันดีว่ามันมาจากลานรวมแก็งค์ของโนบิตะและเพื่อนๆ นั่นเอง ... อ้าว! แชะ!!!

ถึงแม้ว่าความจริงแล้ว Hiroshi Fujimoto นั้นจะเกิดที่จังหวัดโทยามะ (Toyama) แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ย้ายมาปักหลักอยู่ที่เมืองคาวาซากิ (Kawasaki) จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) ที่อยู่ห่างจากโตเกียวไม่ไกลนัก ซึ่งที่นี่แหละก็คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อัตชีวประวัติอันยิ่งใหญ่ของอาจารย์ Fujiko F. Fujio นั่นเอง

ในปี ค.ศ.2011 Fujiko F. Fujio Museum นั้นเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กันยายน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่อิงภูเขาลูกเล็กและสร้างอาคารด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่โดดเด่นน่าสนใจทีเดียว มีแขกแวะเข้ามาเยี่ยมชมจากทั่วโลกมากมายทั้งเหล่าสาวกดั้งเดิมและผู้ที่เพิ่งจะรู้จักเพียงไม่นานมานี้อย่างเหล่าเด็กๆ ที่เพิ่งลืมตาดูโลก

------------------------------------------------------------

โดราเอม่อน (Doraemon) นี้ถือเป็นจินตนาการชิ้นเอกของอาจารย์ Fujiko F. Fujio ที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1969 โดยสร้างสรรค์ตัวละครเป็นแมวหุ่นยนต์สีฟ้าขึ้นซึ่งมันถูกส่งมาจากโลกอนาคตในศตวรรษที่ 22 โดยเซวาชิ (Sewashi) เหลนแห่งเจนเนอร์เรชั่นที่ 4 ของโนบิตะที่ส่งมาช่วยบรรพบุรุษของตัวเองซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง ... โดราเอม่อนเป็นแมวหุ่นยนต์สีฟ้า (ที่เคยมีหู) หนัก 129.3 ก.ก. และมีความสูงเท่ากับน้ำหนักตัวเอง มันถูกผลิตขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2112 แล้วเมื่อไม่นานมานี้ในปี ค.ศ.2012 โลกในความเป็นจริงของเราก็เพิ่งจะร่วมฉลองวันเริ่มต้นนับถอยหลังอีก 100 ปี ที่จะถึงวันเกิดที่แท้จริงของโดราเอม่อน ... ซึ่งมันก็คือวันที่ 3 กันยายน วันเดียวกันกับวันที่ทำการเปิดพิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio Museum นั่นเอง

------------------------------------------------------------

ในปี ค.ศ.2013 โดเรม่อนนั้นถูกแปลงเป็นการ์ตูนในฉบับดิจิตอลเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งแรกซึ่งจัดจำหน่ายโดยยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ที่ช่วยให้การ์ตูนเรื่องนี้ขยายสู่กลุ่มผู้อ่านทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางขึ้น การ์ตูนอันเป็นอมตะทุกยุคทุกสมัยเรื่องนี้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในการ์ตูนขายดีที่สุดในโลกซึ่งมันถูกจำหน่ายไปไม่น้อยกว่า 100 ล้านเล่มเลยทีเดียว

ราวได้กลับไปเป็นเด็กตัวจิ๋วอีกครั้ง ... แถมยังได้ทำให้ภาพความประทับใจในวันวานมันชัดขึ้นอีกหน

และแน่นอนว่ามันจะถูกจดจำอย่างไม่มีวันลืม

“อั้ง...อัง...อัง...ตดเตะโมะดาอิซุคิ...ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ”

ขอบคุณครับอาจารย์...

Fujiko F. Fujio Museumที่ตั้ง : Tama, Kawasaki-City, Kanagawa

เปิด-ปิด : พุธ-จันทร์ > 10.00-18.00 น. / หยุดทุกวันอังคาร (ยกเว้นช่วง Golden Week 29 เม.ย.-5 พ.ค., ช่วงวันหยุดฤดูร้อน 20 ก.ค.-3 ธ.ค., และช่วงปลายปีรวมไปถึงวันหยุดปีใหม่ 30 ธ.ค.-3 ม.ค.)

รอบเวลาการเข้าชม : แบ่งเป็น 4 รอบต่อวัน คือ 10.00 น. / 12.00 น. / 14.00 น. / 16.00 น.

ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / นักเรียนมัยธม 700 เยน / เด็ก (4 ขวบขึ้นไป) 500 เยน / เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 3 ปี) ฟรี

การจองตั๋ว : ไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่หน้าพิพิธภัณฑ์ เราสามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติใน Lawson ทุกสาขา (สามารถเรียกให้พนักงานให้ช่วยเหลือได้) โดยเลือกวันและเวลาที่เราต้องการเข้าชม

ติดต่อ : 0570-055-245 / fujiko-museum.com

วิธีเดินทาง : เริ่มต้นที่สถานี Shinjuku นั่งรถไฟ Odakyu สาย Odakyu Odawara Line ลงสถานี Noborito ทางออก Tamagawa Exit ตรงจุดนี้หากเดินไปตัวพิพิธภัฑณ์จะใช้เวลาราว 15-30 นาที (ดูแผนที่ในเว็บไซต์ได้) แต่ก็สามารถขึ้นรถเมล์ท้องถิ่นได้ ซึ่งสายที่จะไปยังพิพิธภัณฑ์นั้นรถจะจอดอยู่ทางด้านซ้ายสุดเมื่อเดินออกมาจากสถานี (เป็นต้นสาย) มีจุดสังเกตที่ง่ายมากๆ นั่นก็คือตัวรถจะห่อหุ้มด้วยสติ๊กเกอร์โดราเอม่อนและผองเพื่อนทั้งคันนั้นเอง แถมภายในจะตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนน่ารักๆ ในหลากหลายรายละเอียดทีเดียว รวมไปถึงคนขับรถที่จะให้คำแนะนำได้อย่างดีเยี่ยม (ค่ารถ 200 เยน/เที่ยว)

Tada Ratchagit

Tada Ratchagit @tada.ratchagit

เรามักจะตกหลุมรักเมืองแรกในชีวิตที่เราไปเยือนในสถานะนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางเสมอ, ผมชื่อ ธาดา ราชกิจ (โฟล์ค) เป็นนักเดินทางที่มีโตเกียวเป็นเมืองแรกที่เคยไปเยือนครับ ผมกลับมาเยือนเมืองนี้ถี่และบ่อยที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ผมเคยไปเยือนมา อาการตกหลุมรักเมืองนี้นั้นหนักเอาการพอสมควร ; ) นอ...