การกินในญี่ปุ่นนั้นอาจะเป็นสิ่งที่ข่มขวัญคุณได้ถ้าคุณพูดหรืออ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ถ้าหากคุณไปรอบๆตัวแล้วนั้น คุณจะพบว่าตัวคุณนั้นยืนอยู่ท่ามกลางตัวเลือกอาหารเต็มไปหมด การท่องแดนญี่ปุ่นทั้งการเดินเท้า ขึ้นรถไฟและโหนรถประจำทางทำให้คุณหิว เหนื่อยล้าและเครียดได้เสมอ การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้นคุณต้องจำกัดงบไปในตัวด้วย ผมมักจะสำรองเงินไว้ 2000 เยนสำหรับค่าอาหารในแต่ละวัน อาหารเช้าและอาหารกลางวันตั้งไว้มื้อละ 500 เยนและซื้อมื้อเย็นให้หรูขึ้นมาในราคา 1000 เยน ถ้าคุณสามารถหยุดแวะที่ร้านสะดวกซื้ออย่างแฟมิลี่มาร์ท ซันคัส เซเว่นอีเลฟเว่น หรือลอว์สันสำหรับมื้อเช้าและมื้อกลางวันนั้น คุณสามารถซื้ออาหารกล่องเบนโตะและเครื่องดื่มได้ในราคา 500 เยนเท่านั้น เมื่อซื้อเบนโตะแล้วคุณก็สามารถแวะไปนั่งรับประทานที่สวนสาธารณะใกล้ๆหรือร้านสะดวกซื้อบางร้านก็จะมีบริการโต๊ะเพื่อให้คุณได้เอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารมื้อนั้น ร้านสะดวกซื้อเหล่านี้จะมีความปลอดภัย สะอาดและมีอุปกรณ์สำหรับทานอาหารครบครันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตะเกียบ ช้อนส้อม หลอดดูดน้ำและกระดาษทิชชู่ ในมื้อเย็น คุณสามารถเดินเล่นในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆได้อย่างเช่นไดเอหรือซันวะในเวลาหลัง 17.00 น. เพื่อซื้อซูชิลดราคาหรือแม้แต่โซบะเซ็ตชามในราคาย่อมเยาว์และนำกลับมาอร่อยต่อที่ห้องของคุณได้
ตัวเลือกมื้อกลางวันอีกตัวเลือกหนึ่งคือแผงขายผลไม้ในท้องถิ่น ผลไม้และผักอย่างมันเทศญี่ปุ่นอบด้วยหินร้อนๆนั้นจัดเตรียมไว้เพื่อเป็นทางเลือกที่ให้ความสดชื่นและเติมพลังให้คุณหากคุณไม่ต้องการมื้อหนักอย่างเบนโตะจากร้านสะดวกซื้อหรือราเม็งชามร้อนๆ คุณจะเห็นแผงขายผลไม้ท้องถิ่นตามชุมชนทั่วญี่ปุ่นในราคาสบายๆและคุณภาพเป็นเลิศ
คุณอาจคิดว่านี่เป็นหนทางสายหฤโหดที่ต้องรับประทานมื้อเช้าและมื้อกลางวันจากอาหารร้านสะดวกซื้อ กินผลไม้จากแผงข้างทางและอิ่มหนำสำราญกับเบนโตะลดราคาหลัง 5 โมงเย็นนั้นเป็นวิธีที่รับได้และเป็นการฝึกตนให้เข้ากับวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นนั้น ทุกคนก็สามารถใช้เป็นวิธีประหยัดเงินได้อีกด้วย การตะลุยญี่ปุ่นเหมือนคนท้องถิ่นนั้นย่อมได้อรรถรสมากกว่าและก็ยังเป็นหนทางที่ดีในการประหยัดมากกว่า
คุณสามารถสนุกสนานและเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารจานเด็ดในญี่ปุ่นเหมือนชาวญี่ปุ่นโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้และสามารถอยู่อย่างประหยัดได้โดยมีเงินเหลือเฟือสำหรับซื้อของฝากและสำรวจประเทศอันสวยงามนี้ได้มากกว่าอีกด้วย
