หุบเขาฮาโกะเน่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวบริเวณหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ ของญี่ปุ่น มีอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม มีสถานที่และกิจกรรมหลายอย่างให้เลือกทำ เลือกชม ซึ่งมีตั้งแต่
- การล่องเรือโจรสลัดในทะเลสาบอาชิ ชมวิวรอบๆ ทะเลสาบ ชมศาลเจ้าฮะโกเนะและประตูโทริในทะเลสาบ
- ขึ้นยอดเขาโคะมะกะทะเกะ โดยใช้กระเช้าลอยฟ้า สถานีกระเช้าลอยฟ้าอยู่ริมทะเลสาบอาชิอยู่ฮะโกเนะ-เอ็น ความยาวของกระเช้าลอยฟ้าทั้งหมด 1800 เมตร ซึ่งเป็นการชมวิวหุบเขาฮาโกะเน่ ที่ดีมากๆ ระหว่างทางจะมีหุบเขาโอะวะกุ-ดะนิ ที่มีการเดือดปุดๆ ของกำมะถันและน้ำพุร้อน บนยอดเขายังมีศาลเจ้าฮะโกเนะ โมะโตะซุมิยะ และถ้าไปที่นั่นในเช้าของฤดูหนาวก็ยังมีโอกาสได้ชมวิวสวยๆของภูเขาฟูจิ
- ประสบการณ์ออนเซ็น ประสบการณ์ที่ต้องลองในญี่ปุ่น ซึ่งมีอยู่มากมายในฮาโกะเน่ ไม่ว่าจะเป็นตามโรงแรม หรือที่อาบน้ำสาธารณะ
- และประการสุดท้าย การเดินป่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลบหนีผู้คนและนักท่องเที่ยว ซึ่งมีมากมายหนาตาในฮาโกะเน่ ก็อย่างที่ฉันบอกไว้ข้างต้นว่า หุบเขาฮาโกะเน่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวบริเวณหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ ของญี่ปุ่น
ฮาโกะเน่มีเส้นทางให้เดินป่าเดินหลายเส้น และส่วนมากก็เป็นเส้นทางเดินป่าง่ายๆ เช่น เดินป่ารอบทะเลสาบ เส้นทางทางหลวงโบราณฮาโกะเน่ และเส้นทางขึ้นเขาโคะมะกะทะเกะ ผ่านหุบเขาที่เดือดพล่าน โอะวะกุ-ดะนิ เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก แต่จะง่ายมากๆ ถ้าเธอทำอย่างที่ฉันและผู้ร่วมทางทำ
เส้นทางขึ้นเขาโคะมะกะทะเกะ เริ่มจากสถานีกระเช้าลอยฟ้าริมทะเลสาบอาชิ เดินตามทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ผ่านโอะวะกุ-ดะนิ ไปจนถึงศาลเจ้าฮะโกเนะ โมะโตะซุมิยะ ที่อยู่บนเขา เขาว่าใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เราเลือกขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปจนสุด แล้วเดินลงเขา ง่ายกว่ากันมาก ได้บรรยากาศเดียวกัน และใช้เวลาน้อยกว่าด้วย แต่ข้อเสียคือ ได้เหงื่อน้อยกว่า
เราไปที่ฮาโกะเน่ในช่วง ‘ซูยุ’ คือฤดูฝนของญี่ปุ่น หุบเขาทั้งหุบเขาครอบคลุมไปด้วยเมฆหมอก เราซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าลอยฟ้าขาขึ้นอย่างเดียว (ประหยัดเงินอีกด้วย!) ลงจากกระเช้าลอยฟ้า มีสายหมอกแผ่คลุมไปทั่วบริเวณ แน่นอนภูเขาฟูจิคงหลับไหลห่มหมอกเมฆอยู่ตรงมุมไหนสักมุมหนึ่ง
เส้นทางลงเขา ทางเดินแคบๆ ผ่านป่าทึบ สายหมอกผ่านพริ้ว บางช่วงหมือนหม่านหนา ๆ ทำให้เรามองเห็นได้ไกลแค่ 2-3 เมตรรอบๆ ตัว บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติค จนกระทั่งเรามาเจอป้ายไม้เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ที่เราสองคนไม่คุ้นเคย แต่ภาพบนป้ายนั้น ทำให้เราหันมามองตากัน ฉันถึงกับเอ่ยปากถามผู้ร่วมทางว่า ‘ในป่านี้มีหมีหรือ!!’ เขาส่ายหัวตอบว่า ไม่มั้ง ก็ผู้คนออกเยอะแยะทั้งข้างล่างและบนเขา แถมกระเช้าลอยฟ้าผ่านบนหัวด้วย ว่าแล้วก็เดินนำหน้าไป ตัวฉันเองเกือบจะเดินแกมวิ่ง อยากจะบอกว่าดีใจแค่ไหน ที่ได้กลิ่นเหม็นกำมะถัน และเสียงผู้คนที่หุบเขาโอะวะกุ-ดะนิ
นั่นเป็นประสบการณ์เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว ทุกวันนี้เรายังคุยกัน ถึงการเดินป่าในวันนั้น และหัวเราะกันสนุกสนาน เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน หากมีโอกาสกลับไปเยือนญี่ปุ่นอีกครั้ง เราจะไม่พลาดการเดินป่า แน่นอน
เธอยังไม่ถึงญี่ปุ่นหรอก ถ้ายังไม่ได้ลอง..เดินป่า