ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถไฟขากลับจากการไปเที่ยวปล่องภูเขาไฟ Aso มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหมายเลย กะจะไปท้าทายไฟ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกดให้เดินเข้าไปในหมอก ลึกเข้าไปในปล่องภูเขาไฟเรื่อยๆ
ก่อนอื่น คงต้องขออธิบายก่อนว่าปล่องภูเขาไฟ Aso คืออะไร ซึ่งฉันก็เพิ่งรู้หลังจากไปกลับมา เพราะทีแรกแค่เห็นว่าเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและรูปสวยเลยไป (ใจง่ายมากอะ) ปล่องภูเขาไฟ Aso เป็นปล่องที่เกิดจากการยุบตัวของยอดภูเขาไฟหลังการระเบิดรอบใหญ่ มันเป็นปล่องที่มีขนาดกว้าง 25 กิโลเมตรและยาว 18 กิโลเมตร มีเส้นรอบวง 120 กิโลเมตร และพื้นที่ 350 ตารางกิโลเมตร เอาเป็นว่า มันใหญ่มาก ข้างในปล่อง Aso จะมียอดภูเขาไฟที่เกิดจากการระเบิดหลายต่อหลายรอบอีก 5 ปล่อง และหนึ่งในนั้นยังคุอยู่ นอกจากภูเขาไฟเล็กๆแล้ว ในปล่อง Aso ยังมีพื้นที่เขียวขจี และทะเลสาปเล็กๆ มีฝูงวัวและม้ากินหญ้าอยู่อย่างอ้วนพีและมีความสุข มันเป็นเหมือนเมืองในฝันที่ซ่อนอยู่ในปล่องภูเขาไฟเลย
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย แต่วันที่เรามานี้มีควันออกมาจากยอดภูเขาไฟที่ยังไม่ดับตลอด (ยอดที่ยังไม่ดับคือยอดเขา Nakadake นะคะ) จริงๆมันคงเป็นควันพิษอะนะ แต่พออากาศมันเย็นเนื่องจากเราอยู่สูง มันเหมือนมีหมอกปกคลุมเมืองสวรรค์อยู่ตลอด เลยรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน หลังจากไปเดินส่องภูเขาไฟซึ่งไม่เห็นอะไรนอกจากควันที่ออกมาอย่างต่อเนื่องก็เลยเดินเตร่ลงมาต่อรถไปที่ Kusasenru ซึ่งคือพื้นหญ้าเขียวที่ตีนเขาในปล่อง (งงใช่ไหมล่ะ อย่าลืม มันมีปล่องภูเขาไฟในปล่องภูเขาไฟอีกที!) ที่พื้นเขียวตีนภูเขาไฟในปล่องนี้แหละที่เราต้องมนต์สะกด เราเดินอยู่กลางหมอกที่บังวิวเกือบมิด แต่หมอกจะจางไปเป็นครั้งคราวให้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามก่อนกลับมาใหม่ รู้ตัวอีกทีก็เดินไปไกลมากแล้ว เหมือนมีอะไรดลใจให้เดินเข้าไปในปล่องภูเขาไฟไม่หยุด (ซึ่งมันจริงนะ เพราะ Kusasenru เป็นปล่องในปล่องในปล่องอีกที) ถ้าไม่มีเสียงจากคนที่เดินมาเป็นระยะๆเราคงเดินหลงอยู่ในความฝัน หรือเมืองสวรรค์นั้นไปเรื่อยๆ
ที่นี่มาได้โดยนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Aso นะคะ จองที่แต่เนิ่นๆเพราะเราเห็นคนยืนกันเต็มคันรถ ลงจากรถไฟแล้วจะมีรถบัสพาไปปล่อง Nakadake และ Kusasenru ค่ะ หรือถ้าจะอยู่แต่แถวในเมืองก็เช่าจักรยานขี่ได้นะคะ ที่สถานีรถเคเบิ้ลเลือกได้ว่าอยากเดินขึ้นหรือนั่งรถเคเบิ้ลขึ้นค่ะ เราแนะนำให้นั่งรถขึ้นแล้วเดินลง
ภูเขาไฟ Aso เป็นที่ๆน่าทึ่งมาก มาแล้วจะรู้ว่าธรรมชาติและภูเขาไฟมันซับซ้อนกว่าภาพในหัวที่เห็นภูเขาไฟระเบิด ลาวาไหล แม้แต่คนมี่ไม่อินวิชาการอย่างเรายังทึ่ง และมันทำให้คิดได้ว่าทำไมคนถึงชอบเล่นกับไฟเนอะ เพราะบางที บางจังหวะ บางมุม มันมีมนต์สะกดจริงๆ