สำหรับสถานที่นี้ พวกเขาขายเสน่ห์ที่เรียกว่า “เลี่ยงอุบัติเหตุทางการจราจร” และอีกหนึ่งอย่าง คือ “คุณจะเลี่ยงอุบัติเหตุการจราจรและครอบครัวของคุณจะมีความสุข” โดยแต่ละคนจะต้องเสียค่าใช้จ่าย 400 เยน
ผมคิดว่าผมไม่ต้องสวดมนต์เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางจราจรเว้นแต่ตอนที่ผมอยู่บนจักรยานตอนวิ่งบนทางด่วนหรือถ้าภรรยาต้องออกไปข้างนอกตอนกลางคืนหรือเมื่อผมต้องเจอกับปัญหาปวดท้องตอนที่อยู่กลางเที่ยวบิน ว้าว….ผมคงจะต้องสวดมนต์เยอะแล้วหล่ะ
อะไรคือมูลค่าของการสวดมนต์? 400 เยนเหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราไม่ได้ในสิ่งที่พวกเราสวดมนต์ขอ? มันหมายความว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงเหรอ? หรือ เขาใหญ่กว่าวัตถุที่เราใช้สำหรับสวดมนต์ เราจะทำอย่างไรเมื่อสิ่งที่สวดมนต์ขอเป็นจริงแต่จะเป็นอย่างไรเมื่อไม่เป็นความจริง?
ข้อสงสัยของการเดินทางเป็นช่วงเวลาในการสะท้อนซึ่งจะเป็นการทำจิตใจให้ว่างสำหรับคำถามที่ใหญ่กว่าในชีวิต
การเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกียวโต สิ่งนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับการพิจารณาอย่างเงียบๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลาหลังเก้าโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ความชื้นเริ่มถาโถมและมีความหวังและความฝันหรือสถานที่ที่ทำให้ชื่นชอบความงามที่ทำให้คนมีเจตนาสูงขึ้น
การสังเกตผู้คนมากมายในวัดนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ บางคนมาเพื่อชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมและที่ตั้งและบางคนก็ค้นหาการแสวงบุญ
ผมรู้สึกตื้นตันในจิตใจเนื่องจากจิตใจที่ดี ความเมตตาเพื่อครอบครัวและเพื่อนและการขอบคุณพระเจ้าสำหรับการแนะนำและโอกาสที่พวกเขาได้รับในญี่ปุ่น
มันไม่สำคัญว่าคุณจะเชื่ออะไร พวกเราล้วนแต่เป็นมนุษย์เหมือนกัน
ก่อนที่เมืองเกียวโตจะเกิดขึ้น พื้นที่นี้มีภูเขาลำธารในเทือกเขาโอตาว่าซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ดังนั้นในปี 778 วัดคิโยะมิซู-เดรา หรือวัดของน้ำบริสุทธิ์จึงการสร้างขึ้น ตึกที่คุณเห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ชาวญี่ปุ่นกล่าวว่าเมื่อพวกเขาจะตัดสินใจบางสิ่งที่ใหญ่หลวง พวกเขาจะกระโดข้ามไปยังขั้นตอนคิโยะมิซู
ข้างหลังห้องโถงใหญ่และจุดชมวิวและอีกฝั่งของภูเขาคือศาลเจ้า (จิชู) ที่มีหินสองก้อนตั้งอยู่ข้างๆ มีการกล่าวว่าถ้าคุณเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่ง คุณจะพบกับคู่ชีวิตในฝัน
ที่นี่มีทั้งความหวังและรอยยิ้มสำหรับทุกคน เพื่อนแกมโกงอาจจะพยายามนำพวกเขาไปในทางที่ผิดโดยหวังว่าจะได้รับเสียงหัวเราะถ้าตกลงอีกฝั่งหนึ่งแต่ก็หวังว่าพวกเขาจะทำมันได้อยู่ลึกๆ
ตามที่ ฮอลลี่ย์ เกร์ทเตือนผมว่า “ความหวังคือเมล็ดพืชที่พระเจ้าปลูกในหัวใจของพวกเราเพื่อให้เรารับรู้อยู่ตลอดว่าจะมีแต่สิ่งที่ดีขึ้นหลังจากนี้