ทางเข้าวัดจูรินจิ (เครดิตรูปภาพ: Yuko Kobayashi)

วัดจูรินจิในป่าโอฮาระโนะ

เตาเผาเกลือและนักกวีนามนะริฮิระ

ทางเข้าวัดจูรินจิ (เครดิตรูปภาพ: Yuko Kobayashi)
Poranut J   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

จูรินจิ (十輪寺)เป็นวัดขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในป่าโอฮาระโนะเหนือเกียวโต ที่นี่ให้รสชาติความงามของญี่ปุ่นและอยู่ห่างจากความแออัดของฝูงชน วัดสร้างขึ้นในปี 850 ด้วยความหวังว่าพระชายาของจักรพรรดิจะสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ดูเหมือนว่าที่นี่น่าจะทำให้คำอธิษฐานเป็นจริงอยู่เพราะบางคนมาอธิษฐานที่นี่เพื่อขอให้มีลูกหรือคลอดง่าย

จูรินจิกลายเป็นบ้านหลังสุดท้ายสำหรับอะริวะระ โนะ นะริฮิระ นักกวีที่มีชื่อเสียงของยุคเฮอังที่อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 825-880 ดังนั้นวัดนี้ยังถูกเรียกว่านะริฮิระ เดระ(วัดนะริฮิระ) เขาเป็นคนโรแมนติกมีฝีมือในด้านกวีและว่ากันว่าเขาเป็นตัวเอกของหนังสือประวัติศาสตร์อย่าง”ตำนานอิเสะ” วัดนี้เงียบสงบและล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติของอำเภอโอฮาระโนะดังนั้นที่นี่จึงเหมาะกับการอาศัยอยู่ในบั้นปลายชีวิตของเขา

ในเวลาต่อมาครอบครัวฟูจิวาระอันทรงอิทธิพล 1 ในครอบครัวในตำนานแห่งเก็นจิได้เอาวัดนี้มาเป็นของครอบครัวมันเป็นสมัยที่วัฒนธรรมในเกียวโตรุ่งเรือง วัดจูรินจิถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามโอนินรวมทั้งฮอนโดะและห้องโถงหลักที่สร้างปี 1750 ด้วย ที่ห้องโถงหลักมีหลังคาบังเหียนซึ่งหายากมากในวัดประเภทนี้
ภายในวัดคุณจะเห็นภาพวาดญี่ปุ่นบนกระดาษฟุสุมะบนประตูบานเลื่อน เป็นภาพนะริฮิระและขุนนางคนอื่นๆในสมัยนั้นแต่งกายในชุดกิโมโนที่มีสีสันและเขียน บทกวีดั้งเดิมของญี่ปุ่น

ที่ด้านหลังวัดมีเตาเผาเกลือ ในยุคเฮอังการเผาน้ำเกลือและสนุกกับการมองควันลอยขึ้นฟ้าถือเป็นแฟชั่นในหมู่สังคมชั้นสูง ว่ากันว่านะริฮิระเผาเกลือในขณะที่คิดเกี่ยวกับอดีตคนรักของเขาฟุจิวะระโนะ ทาคาอิโกะและส่งความรักของเขาที่มีต่อเธอเป็นควันไฟลอยขึ้นไปในท้องฟ้า

วัดนี้มีสวนขนาดเล็กอยู่ 2 สวน สวนด้านหน้ามีสระน้ำ ส่วนสวนด้านหลังเต็มไปด้วยหินและกรวด ว่ากันว่ามันถูกออกแบบมาให้คล้ายกับก้นทะเล ที่น่าสนใจก็คือ คุณสามารถพบเห็นหน้ากากสีสันสดใสและรูปพระสงฆ์จากศรีลังกาภายในวัด ที่นี่มีการแลกเปลี่ยนพระสงฆ์กับศรีลังกาดังนั้นพวกเขาจึงเป็นความทรงจำของช่วงเวลานั้น

ช่วงที่ดีที่สุดในการมาเยี่ยมชมวัดคือฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง มีต้นซากุระในฤดูใบไม้ผลิที่เรียกกันว่านะริฮิระ ซากุระ(ต้นซากุระของนะริฮิระ)บานสะพรั่งอย่างสวยงามนอกเหนือจากสวนหิน ถ้าคุณไปเที่ยวที่นั่นในฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับใบไม้หลากสีนอกเหนือจากอารามวัดและเนินเขาที่อยู่ด้านหลังมัน
รอบๆวัดมีร้านอาหารไม่กี่ที่ดังนั้นคุณควรจะทานอาหารกลางวันที่สถานีมาก่อนขึ้นรถบัส มีร้านกาแฟอยู่ในห้างอิออนที่เดินเพียง 2 นาทีจากฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของสถานีรถไฟฮิกาชิ มูโกะ มีอาหารกลางวันซื้อกลับบ้านหรือเมนูอาหารว่างและชาแบบดื่มที่ร้าน นอกจากนั้นยังมีร้านนวดไว้ในกรณีที่คุณเหนื่อยล้ามาจากการเดิน มูโกะอยู่บนเส้นทางรถไฟเกียวโตสายหลักระหว่างโอซาก้าและเกียวโต มีรถไฟออกเดินทางทุกๆ10นาทีและใช้เวลาเดินทาง 10 นาทีไปเกียวโต ซึ่งมูโกะแตกต่างจากที่อื่นเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง

-ค่าเข้า-400 เยน

-ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปภายในวัด(ถ่ายข้างนอกได้)

คู่มือการเดินทาง

-จากสถานีฮันกิว ฮิกาฮิ มูโกะ(東向日)

รถบัสฮันกิวสาย 66 จะพาคุณไปวัดจูรินจิ

ลงที่ป้ายโอไฮโอ(小塩)(นั่งรถบัสประมาณ 20 นาที)

วัดอยู่ใกล้กับป้ายโอไฮโอ

รถบัสมาทุก 42 นาที รถเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 14:42 น.(ในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 15:42น.)

-จากสถานีเจอาร์มูโกะ มาจิ(向日町)

รถบัสฮันกิวสาย 66 จะพาคุณไปวัดจูรินจิ

ลงที่ป้ายโอไฮโอ(小塩)

รถบัสมาทุก 35 นาที รถเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 14:35 น.(ในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 15:35น.)และรถเที่ยวแรกคือเวลา 08:35น.

(ขากลับ)

-จากป้ายโอไฮโอไปสถานีฮันกิว ฮิกาฮิ มูโกะหรือสถานีเจอาร์มูโกะ มาจิ

ขึ้นรถบัสฮันกิวสาย 66 รถมาทุก 29 นาที รถเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 15:29 น.(ในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 16:29น.)และรถเที่ยวแรกคือเวลา 09:29น.

Poranut J

Poranut J @poranut.j