หนึ่งในหลายสิ่งแรกที่ผมได้เห็นเมื่อมาถึงสถานีSendai คือ กระจกสีขนาดใหญ่ที่แสดงถึงสถานที่อันมีชื่อเสียงของเมืองเซนได ท่ามกลางสีสันของกระจกเหล่านั้น มีทั้งการตกแต่งอันงดงามในเทศกาลทานาบาตะ ทัศนียภาพของอ่าวมัตซึชิม่า และที่มุมด้านบนสุด รูปของชายขี่ม้าสวมหมวกที่มีเอกลักษณ์ -ดาเตะ มาซะมุเนะ(Date Masamune)
หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญต่างในเมืองเซนได เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ได้ยินเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งเมืองเซนได ซึ่งรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า มังกรตาเดียว อิทธิพลของผู้นี้ในภูมิภาคโทโฮกุทำให้เมืองเซนไดกลายเป็นเมืองใหญ่ตราบจนวันนี้ ด้วยตระหนักถึงสิ่งนี้ ทำให้ผลอยากจะไปเยี่ยมชมที่พักพิงสุดท้ายของท่านเจ้าเมืองแห่งนี้นั้นคือซุยโฮเด็งนั้นเอง
แม้การเดินทางไปสู่ซุยโฮเด็งแห่งนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยใช้บริการ Loople bus (รถโดยสารแบบหนึ่งวันราคาพิเศษ) แต่ที่ตั้งของซุยโฮเด็งจริงๆไม่ได้เข้าถึงอย่างสะดวกนัก ทางเดินเข้าสู่ซุยโฮเด็งแห่งนี้เป็นทางสูงชันที่ไม่มีทางลาดเลย ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้พิการและผู้สูงอายุอยู่บ้าง
ป้ายต่างๆในซุยโอเด็งมีภาษาอังกฤษแทรกอยู่ แม้จะไม่ได้มีข้อมูลมากเท่าภาษาอังกฤษแต่ในแผ่นพับที่ได้รับมาก็ยังมีข้อมูลเพียงพอที่จะให้ความเข้าใจเรื่องราวหลักของสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าอยากจะได้ข้อมูลแบบเต็มแน่น แนะนำให้ใช้บริการมัคคุเทศก์ซึ่งมีให้บริการในภาษาอังกฤษ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ด้วยว่ามีไกด์ภาษาอังกฤษในวันนั้นหรือไม่ หรือถ้าจะล้ำกว่านั้นก็ใช้บริการ Sendai's GOZAIN interpreter สำหรับซุยโฮเด็งหรือจะเป็นสถานที่อื่นในเมืองก็ยังได้
เช่นเดียวกับสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั่วไป ซุยโฮเด็งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ การมาเยี่ยมชมที่นี่สามารถทำได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้แดงในฤดุใบไม้ร่วง หรือหิมะโปรยปรายในฤดูหนาว ความละเอียดอ่อนของสถาปัตยกรรมของศิลปะแบบโมโมยาม่า (Momoyama style) ที่มีความสลับซับซ้อนและการใช้สีสันที่สดใสเป็นอีกซึ่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การชื่นชมจริงๆ ซุยโฮเด็งที่เราเห็นนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าในสมัยที่สร้างขึ้นครั้งแรกนั้นมีวิธีอย่างไรที่ทำให้ได้มาซึ่งเฉดสีที่ฉูดฉาดแบบนี้ ยังมีรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับการออกแบบ เช่น สัตว์ต่างๆที่อยู่กันเป็นคู่เป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเริ่มต้นและจุดจบของชีวิต
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้านในซุยโฮเด็งได้รวมอยู่ในค่าตั๋วที่ซื้อตอนแรกแล้ว ที่นี่เราจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นคว้าาทางโบราณคดีที่ได้กระทำก่อนการสร้างซุยโฮเด็งขึ้นใหม่ และได้เห็นชิ้นส่วนบางอย่างที่หลงเหลืออยู่หลังจากโดนเผาทำลายอีกด้วย ในพิพิธภัณฑ์ยังมีวีดิโอที่แสดงถึงการศึกษาทางโบราณคดีและพิธีฝังศพที่ทำขึ้นใหม่อีกครั้งของเจ้าเมืองเซนไดสามองค์แรกด้วย แต่ทั้งหมดนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับ
ยังมีสุสานที่สร้างไว้เพื่อระลึกถึงเจ้าเมืองเซนไดอีกสององค์ต่อมาซึ่งเป็นลูกหลานของมาซะมุเนะ ดูไปแล้วก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกันเพียงแต่อาจจะดูหรูหราน้อยกว่าบ้าง หลุมศพของบรรดาลูกหลานนั้นเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจถึงความตายซึ่งไม่เคยละเว้นให้แม้แต่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง
โดยภาพรวม ที่แห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ การมาเยี่ยมชมอาจจะต้องคำนึงถึงสภาพอากาศด้วยเนื่องจากสถานที่สำคัญส่วนใหญ่จะอยู่กลางแจ้ง ใช้เวลาที่นี่ซักหน่อย บางทีอาจจะโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับชายผู้ให้กำเนิดเมืองเซนไดแห่งนี้ ภาพสวยๆของซุยโฮเด็งยังมีให้ชมกันที่นี่