เป็นเวลากว่าสมปีแล้วจากเหตการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ความรู้สึกยังคงกรุ่นอยู่ในห้วงอากาศ สิ่งก่อสร้างในสภาพปรักหักถูกบูรณะอย่างเชื่องช้า ในขณะที่เงินทองแห่งความโกรธขึ้งไม่ได้เดินทางไปยังที่ที่ควร ปัญหาใหญ่ยังคงรอคอยการแก้ไข อย่างเช่นการกำจัดวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในเมื่องฟูกุชิม่า, จัดหาพื้นที่อยู่อาศัยถาวรและตำแหน่งงานให้แก่ผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว, และอีกหลายๆอย่างที่ต้องการการพูดคุยในหัวข้อนี้ ความเป็นจริงก็คือว่า ผู้คนได้รับความทุกข์ยากและชุมชนที่อยู่อาศัยพังพินาศ มีองค์กรและผู้ช่วยเหลือมากมายยื่นมือเข้ามาบรรเทาความเจ็บปวด แต่ผู้ที่ถูกสึนามิทำร้ายที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งนอกเมืองเซนไดต้องการสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น นั่นก็คือ ไม่ต้องการเป็นผู้ถูกลืม
เราสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ให้เวลาครู่หนึ่งเพื่อใคร่ครวญแล้วยินดีที่ยังรอดชีวิต
การไปดูสถานที่ที่เกิดเหตุสึนามิ ดีที่สุดคือเช่ารถไป เพราะคุณจะได้มีความอิสระและความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนร่วมรถบัสข้างหน้าคุณจะมีอารมณ์หวั่นไหวเช่นใด และคุณก็สามารถหยุดดู แต่ละที่และใช้เวลาได้นานเท่าที่คุณต้องการ การเช่ารถหนึ่งคันนั้นง่ายดายมากรอบสถานีรถไฟ JR Sendai มีร้านเช่ารถมากมาย คุณถามเอาจากศูนย์บรืการนักท่องเที่ยวในสถานีก็ได้ให้เขาช่วยหาและจองให้ สำหรับผมนั้นปรากฎว่าหลายๆร้านเช่ารถได้ถูกจองล่วงหน้าไปหมดแล้วเพราะว่าเป็นช่วงวันหยุด สนนราคาค่าเช่าอยู่ที่ต่ำสุด 2500 เยน สูงสุด 8000เยน เพราะฉะนั้นสำรวจร้านและจองล่วงหน้าเพื่อเป็นการประหยัดเงิน เอาล่ะพอคุณได้กุญแจรถ ก็ถึงเวลาออกเดินทางกันแล้ว
ระหว่างขับรถหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อไปที่ Ishinomaki เมืองที่ถือว่าเสียหายมากที่สุดจากคลื่นยักษ์ ตัวเลือกที่น่าจะดีกว่ามากนั่นก็คือขับไปบริเวณชายฝั่งนอกเมืองซึ่งใช้เวลาแค่ 25 นาที ขับง่ายและถนนก็แทบจะยาวตรงตลอดเป็นถนนสายเดียว ใช้เครื่องหาพิกัดหรือจะถามคนพื้นที่ก็ได้ว่าจะไปทางไหน เพระาหลังจากสามปีที่เหิดเหตุการณ์คุณจะไม่สังเกตุเห็นซากปรักหักพัง หรือกองรถทับถมกัน, ขยะเกลื่ือนกลาก,หรือหาดที่ปราศจากเรือหาปลา อย่างภาพข่าวอีกแล้ว ตอนนี้ได้พัฒนาไปมาก แผนการพัฒนาบูรณะ มิยากิภายในสิบปี ตอนนี้เดินหน้าตามตารางอย่างเต็มกำลัง ด้วยกำลังของคนงานก่อสร้าง, ชาวญี่ปุ่นที่รวมตัวกัน,และอาสาสมัครนับไม่ถ้วนที่ต่างมาช่วยกันเก็บกวาดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อีกเจ็ดปีข้างหน้าคือการอุทิศเพื่อการสร้างและฟื้นฟูชีวิตและชุมชน
ที่แรกที่ผมขับไปคือ Gamo ไปยังโรงงานเบียร์ Kirin ไม่ไกลจากเซนไดเท่าใดนัก ซึ่งได้รับความเสียหายหนักเหมือนกันแต่ก็ได้รับการบูรณะแล้ว ที่Gamo นี้คุณสามารถเดินไปตามหาดทราย ดูต้นไม้ที่ยังคงเอนโอนจากแรงปะทะของน้ำที่บ่าเข้ามาผมเจอนักโต้คลื่นที่นี่ด้วยแม้ทั้งๆที่เป็นวันที่มีลมแรง ขับลงไปทางใต้ราวสองสามนาที ทั่วทั้งบริเวณราบเรียบ คุณจะเห็นโครงสร้างซีเมนต์ของที่ที่เคยเป็นอาคารบ้านเรือน และผมเจอแม้กระทั่งของใช้ส่วนตัวแปลกๆ อย่างแปรง หรือเครื่องซักผ้าถูกทิ้งเอาไว้ รู้ทันทีเลยว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ ผมคิอ "ตอนนั้นพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่นะ ตอนที่สึนามิเข้าถล่ม" น่าแปลกใจอีกอย่างตรงที่ทั่วทั้งบริเวณเปิดให้เราเข้าไปได้ คุณขับรถไปตามถนนและเดินสำรวจซากที่เหลืออยู่ได้อย่างอิสระ เรื่อยๆไปตามหาดผมถ่ายรูปบ้านไว้บางส่วนซึ่งยังคงตั้งอยู่อย่างแข็งแรง แต่ไม่มีทางจะกลับมามีชีวิตใหม่ได้ บ้านหลังหนึ่งชั้นแรกของบ้านหายไปทั้งชั้น หลังอื่นๆผมมองเข้าไปข้างในผ่านกำแพงที่หายไป และเห็นภาพครอบครัวหนึ่งซึ่งเคยอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะไม่มีการกั้นเขตแต่ก็ไม่น่าจะเข้าไปยังอาคารที่หลงเหลืออยู่ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อแสดงความเคารพ
มีอยู่สองที่ที่คุณควรไปดู ที่แรกคือ อราฮาม่า ที่ที่คนอพยพไปหลบในโรงเรียน ตอนนี้มีการสร้างรูปปั้นทางศาสนาพุทธเพื่อการสวดมนต์ และเป้นที่ที่มีรูปของเมืองทั้งก่อนและระหว่างที่สึนามิเข้าถล่ม มีซากบ้านและโครงสร้างมากมายหลงเหลือ ทีที่สองคือ ยูริอาเกะ ซึ่งมีศาลอยู่บนเขาจำลอง และอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งจะทำให้คุณน้ำตาไหลได้เลย
แม้ว่าโครงการสร้างชุมชนจะดูมีความหวัง มีอาสาสมัครและบางสิ่งกำลังกลับสู่ภาวะปกติอย่างช้าๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องการการดูแล โปรดไปยังสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวคุณเองแล้วร่วมแบ่งปันความคิดความรู้สึก และการเดินทางไป โตโฮกุ เพื่อเพิ่มปริมาณการท่องเที่ยวนั้นเป็นส่ิ่งที่ชาวเมืองจะขอบคุณเป็นอย่างมาก ชาวเมืองเหล่านั้นก็เหมือนผมที่เรียกเมืองเมืองนี้ว่าบ้าน ขอขอบคุณจากชาวโตโฮกุ ที่ยังไม่ลืมเลือนพวกเรา