แม่น้ำ Azusa ในบรรยากาศของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (เครดิตรูปภาพ: Sathorn Preechavuthinant)

คามิโคจิ (Kamikochi) เดินเล่นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ความงามตามธรรมชาติของใบไม้เปลี่ยนสีที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาสูง

แม่น้ำ Azusa ในบรรยากาศของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (เครดิตรูปภาพ: Sathorn Preechavuthinant)
Sathorn Preechavuthinant   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

“สวรรค์บนดิน” คือชื่อเรียกของคามิโคจิที่ผมค้นเจอว่า จะไปเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหนดี จะว่าไปแล้วฉายา “สววรรค์บนดิน” ก็ถือว่าไม่ผิดนักเนื่องจาก คามิโคจิ (Kamikochi) เป็นพื้นที่ราบสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร ถูกรายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่มากมาย นอกจากจะทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปีแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติยังถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี การมาเที่ยวหย่อนอารมณ์ที่คามิโคจิจึงเหมือนได้ตัดขาดจากโลกภายนอกที่แสนวุ่นวาย และหากใครมาได้ถูกเวลาถูกจังหวะอย่างช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีส้มแดง บรรยากาศของคาโมโคจิก็เหมือนสวรรค์จริงๆนั่นแหละ

คามิโคจิ มีอะไรให้เที่ยวชมบ้าง? คำตอบแบบจริงใจที่สุดก็คือ ต้นไม้ สายธาร และ ภูเขา แค่นี้แหละ (ฮา) แม้ว่าจะมีโรงแรมและรีสอร์ทถูกสร้างขึ้นอยู่บ้างแต่การเดินทางมาที่คามิโคจินี้ยังถูกจำกัดโดยรถบัสเท่านั้น รถส่วนตัวยังไม่อนุญาติให้เข้าถึงได้ จึงรับประกันได้ถึงความสงบเงียบและธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่ง ใครที่เป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ขอแค่มีกล้องหนึ่งตัวรองเท้าเดินป่าก็คงฟินกับที่นี่ได้ทั้งวัน

คามิโคจิตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนากาโน่ ใช้เวลาเดินทางมาจากเมืองมัตซึโมโต้ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เนื่องจากที่พักในคามิโคจิมีจำกัดและได้ยินว่าราคาค่อนข้างสูง ถ้าอยากมาเที่ยวที่คามิโคจิแนะนำให้หาที่พักที่เมืองมัตซึโมโต้จะง่ายกว่า

คามิโคจิมีเส้นทางการเดินชมธรรมชาติหลายเส้น ซึ่งถ้าจะเดินให้ทั่วจริงๆคงใช้เวลาซัก 1-2 วัน แต่ถ้าใครไม่ได้เป็นสายธรรมชาติจัดขนาดนั้น อยากจะเก็บบรรยากาศแบบชิลล์ๆเดินสบายๆแนะนำเส้นทางเดินเล่นตามนี้เลย

เมื่อรถบัสมาถึงคามิโคจิ ให้ลงที่ป้าย “Taishoike Bus Stop” ซึ่งจะเป็นป้ายแรกเมื่อถึงคามิโคจิ (แต่ถ้าใครอยากจะแพลนแบบจัดเต็มก็ไปลงที่ Kamikochi Bus Terminal แล้วไปหาข้อมูลเพิ่มที่ Visiting Center ได้) เมื่อลงจากรถมาเดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอกับ Taisho Pond ทันที ซึ่งเชื่อแน่ๆว่าแค่ตรงนี้ก็ต้องร้องว้าวกับบรรยากาศที่อยู่ต่อหน้าแน่นอน จากบริเวณนี้เดินชมธรรมชาติแบบสบายไปอีกไม่นานก็จะพบกับ Tashiro Bridge ซึ่งจะสามารถมองเห็นความสวยงามของแม่น้ำ Azusa ที่เป็นสีฟ้าสดตัดกับใบไม้สี่เขียวแดงเหลืองแบบไม่เคยเจอมาก่อน และสุดท้ายคือ Kappa Bridge หรือสะพานกับปะ จุดศูนย์กลางและจุดนัดพบของ คามิโคจิ พักให้หายเหนื่อย หาข้าวหาน้ำกิน แล้วก็สามารถขึ้นรถบัสกลับมัตซึโมโต้ได้เลย

(จาก Taisho Pond เดินถึง Kappa Bridge จะใช้เวลาเดินประมาณ 1- 1ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นกับว่าอินกับบรรยากาศมากแค่ไหน)

มนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างผมไม่ค่อยได้เห็นป่าเห็นเขาในชีวิตประจำวัน การเดินทางมาเที่ยวคามิโคจิแบบเช้าเย็นกลับถือว่าช่วยเติมพลังงานชาร์จพลังขีวิตได้ค่อนข้างดีเลย ล้านภาพถ่ายก็ไม่เทียบเท่าหนึ่งตามอง ถ้าทริปญี่ปุ่นครั้งหน้ายังไม่รู้จะไปไหนฝากคามิโคจิไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ

เส้นทาง

การเดินทาง

1. Matsumoto Station —-> Shin-Shimashima (30 นาที) จากเมืองมัตซึโมโต้นั่งรถไฟสาย Matsumoto Electric Railway

2. Shin-Shimashima —-> Kamikochi (60 นาที) นั่งรถบัสอีกหนึ่งชั่วโมงก็ถึงคามิโคจิเลย

*ค่าตั๋วของการเดินทางรถไฟกับรถบัสรวมกันหนึ่งเที่ยวคือ 2,500 เยน แต่ถ้าซื้อแบบไป-กลับ ราคา 4,650 เยน

**ทั้งรถไฟและรถบัสไปคามิโคจิไม่คลอบคลุมโดยตั๋ว JR Rail Pass

***คามิโคจิเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน

Sathorn Preechavuthinant

Sathorn Preechavuthinant @sathorn.preechavuthinant

I am just a ordinary guy who fall in love with Japan. Travelling to Japan insipred me to see world more. I am a writer. I am a traveller. I am a musician. I am a pharmacist. My dream is to travel around the world and have a lot of experience and to become professional amateur. ผมเป็นคนธรรมดาที...