หลังจากเยี่ยมชมปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ฉันเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียง เมืองโฮะทะกะ (Hotaka) ที่ฉันเข้าเยี่ยมชมฟาร์มวาซาบิ ไดโอะ (Daio) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะหมายถึงในโลกด้วย บริเวณนี้มีชื่อเสียงในการผลิตวาซาบิที่ดีที่สุดจากน้ำบริสุทธิ์จากเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
แม่น้ำที่กว้างและลึก ไหลลงมาจากภูเขา ไหลผ่านกังหันน้ำ จากนั้นกระจายไปในระหว่างต้นวาซาบิ ในพื้นที่ราบบริเวณกว้าง มีแปลงต้นวาซาบิเป็นแถวเรียงรายต่อๆกัน แปลงกรวดหินที่มีน้ำใสเย็น ไหลช้าๆ ผ่านต้นวาซาบิ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเจริญเติบโตของต้นวาซาบิ
แปลงต้นวาซาบิหลายๆแปลงเต็มไปด้วยสีเขียวสดใสของวาซาบิ ในขณะที่แปลงอื่น ๆ กรวดหินถูกวางซ้อนอย่างเรียบร้อย แต่ว่างเปล่า ในบางพื้นที่ของฟาร์ม แปลงกรวดหินกระจัดกระจาย ต้นวาซาบิเพิ่งถูกเก็บเกี่ยว และเกษตรกรที่ใส่รองเท้าบูทเวลลิงตัน กำลังกวาดกรวดหินกลับเข้ามาในแปลงให้เรียบร้อย
ที่ฟาร์มนี้มีบริเวณกว้าง มีร้านอาหาร ศาลเจ้าขนาดเล็ก และร้านค้า เชื่อมโยงกันโดยเส้นทางที่คดเคี้ยว เป็นที่ที่เงียบสงบและงดงามมาก เหมาะสำหรับเดินเล่นไปรอบ ๆพื้นที่ทั้งหมดล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ยอดถูกปกคลุมด้วยหิมะที่สวยงาม
ถ้าคุณเหมือนฉัน เคยเห็นแต่วาซาบิที่เป็นแป้งสีเขียวที่ร้านอาหารซูชิ หรือคล้ายผงถั่ว ก็คงจะดีที่ได้เห็นวาซาบิในรูปแบบธรรมชาติ แม้ว่ามันจะค่อนข้างน่าเกลียด รูปร่างสีเขียวซีดที่บิดเป็นเกลียวตะปุ่มตะป่ำ คล้ายๆกับขิงบิดๆเบี้ยวๆ มีใบสีเขียวเข้มเป็นกระจุกอยู่ข้างบน ดูไม่น่ากินเลย
ที่ฟาร์มมีผลิตภัณฑ์วาซาบิหลายๆ อย่างขาย เช่น ขนมปังกรอบวาซาบิ ถั่ว และวาซาบิกรอบ ไปจนถึงไอศครีมและช็อคโกแลต
ฉันซื้อไอศครีม เพื่อทานในตอนที่ฉันเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ ในตอนเย็นที่มีอุณหภูมิลดลงและลมแรง (ใช่ ฉันไม่คิดถึงข้อนั้น) ซึ่งฉันยินดีที่จะรายงานผลว่ามันอร่อยจริงๆ มีรสชาติที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเป็นวาซาบิสดไม่ใช่วาซาบิแห้ง รสชาติเหมือนถั่วพิตาชิโอมาก
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไปที่นั่นจากสถานีรถไฟ น่าจะเป็นโดยรถแท็กซี่ ซึ่งค่อนข้างสะดวก แต่ฟาร์มอยู่ออกนอกเมืองไปเล็กน้อย คุณอาจจะมีปัญหาในการเรียกรถแท็กซี่ในตอนขากลับ ฉันขอแนะนำให้คุณขอคนขับรถแท็กซี่ให้กลับมารับหรือรอคุณ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวลใจ การเดินกลับไปช่างน่าเพลิดเพลินใจ และใช้เวลาประมาณ 40 นาที