บ้านซามูไรตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ตรงปลายสุดของคาบสมุทรคุนิซากิในจังหวัดโออิตะ มันตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองคิซึกิที่สวยงาม แม้เมืองจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานแต่น่าแปลกใจตรงที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามานัก อาจเป็นเพราะว่าเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยและการเดินทางมาที่นี่ต้องใช้รถยนต์และไกด์เท่านั้น
ช่วงวันหยุดฤดูร้อนในปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย ฉันโชคดีที่เป็นนักศึกษาปีสุดท้ายและโชคดีที่มีเวลาเที่ยว ครอบครัวอเมริกันของฉันทุกคนขับรถชั่วโมงครึ่งจากเมืองเบปปุไปคิซึกิโดยการนำทางของชาวโออิตะ พวกเขาพยายามแนะนำถึงมรดกหลายๆอย่างของที่นี่
วัตถุประสงค์หลักในการเดินทางไปคิซึกิของเราคือ ไปดู”โอฮาระ เทอิ” บ้านพักของซามูไรในสมัยเอโดะ ถนนที่นำไปสู่บ้านซามูไรเป็นหลุมเป็นบ่อและแคบ ฉันเพลียกับการนั่งมองก้อนกรวดที่เรียงรายบนกำแพงสูงทั้ง 2 ด้าน แม้จะนั่งมาในรถซูซุกิสุดล้ำแต่เหมือนย้อนเวลาเลยหล่ะ บรรยากาศข้างนอกโบราณมาก
หลังจากซื้อตั๋วเข้าชมบ้านราคาไม่แพงแล้ว เราเดินเข้าไปในบริเวณบ้านและคนดูแลบ้านออกมาทักทายเรา เขาเป็นชายสูงอายุใจดีพูดภาษาอังกฤษได้ปานกลางและดูตื่นเต้นเมื่อต้องพูดภาษาอังกฤษ เราถอดรองเท้าและก้าวเข้าไปในห้องโถงหลัก ห้องแต่ละห้องมีเรื่องราวและคำอธิบายและมันน่าหลงใหลเมื่อได้เข้าไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของซามูไรเหล่านั้นอย่าง ใกล้ชิด ห้องนอนยังอยู่ในสภาพดี ส่วนห้องครัวถูกสร้างใหม่ให้ดูเหมือนสมัยก่อน สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้มาเยือนที่นี่คือ คุณสามารถจับข้าวของเกือบทุกชิ้นได้ แม้แต่กระโถนใส่ปัสสาวะในสมัยเอโดะก็จับได้แต่ฉันว่ามันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากจับกันนะ
หลังจากช่วยไกด์ของเราล๊อคบ้าน ในแพคเกจทัวร์ยังให้เวลาเราเดินเตร็ดเตร่อยู่ในสวนไม่เหมือนกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อื่นๆที่มีกฏข้อห้ามเยอะ คนดูแลบ้านให้ความรู้และกระตุ้นเราด้วยการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ(ให้จับข้าวของ)เป็นอย่างดี
บรรยากาศสงบเงียบรอบๆบ้านซามูไรสไตล์เอโดะทำให้เรารู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ความเงียบสงบของเมืองทั้งเมืองและประวัติศาสตร์ ความเงียบสงบของเมืองและกำแพงหินขรุขระทำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับคิซึกิมากขึ้น
