เทศกาลคุราชิกิ หรือ Achi-Jinja Aki Matsuri จะถูกจัดขึ้นทุกๆช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมในทุกปี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบรูณ์ ชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ '阿智神社秋祭' ซึ่งเป็นการรวมตัวของชื่อศาลเจ้า (Achi-Jinja) ฤดูใบไม้ร่วง (Aki) และคำว่าเทศกาล (Matsuri) เข้าด้วยกัน
ศาลเจ้าอาจิตั้งอยู่ที่ Tsurugata-yama-koen เป็นสวนที่งดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ช่วง Bikan ปรากฏอยู่ในยุคเอโดะ ปี 1603-1867 ในช่วงนี้ร้านค้าเก่าๆที่ถูกบรูณะอย่างสมบรูณ์แล้วจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม คลองคุราชิกิไหลผ่านพื้นที่หลักซึ่งประกอบไปด้วยคลังกระเบื้องสีขาวและดำทั้งสองฝั่งคลอง ทำให้พื้นที่นี้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ให้ความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและยุโรปเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สิ่งที่น่าสนใจนอเหนือจากนี้คือชื่อของคุราชิกิที่ได้มากจาก คุรา(倉) ที่แปลว่าคลังสินค้า
หากคุณยังไม่เคยไปเที่ยวงานเทศกาลในประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ดังนั้นฉันควรจะอธิบายเรื่องขบวนแห่สักนิด พอพูดถึงขบวนแห่คุณคงนึกถึงฝูงคนที่ไปร่วมงานเทศกาลจะปิดล้อมพื้นที่ขบวนพาเหรด แต่เทศการประเภทนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาล คุราชิกิ จะแตกต่างจาก จิไดมัตสึริของเกียวโต (Jidai Matsuri เป็นเทศกาลประจำศาลเจ้าเฮอัน) ตัวอย่างเช่น ขบวนแห่จะเดินวนขวาเพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่าซึ่งจะอยู่ท่ามกลางผู้คนทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยกัน บางคนเลือกที่จะเดินอยู่ใต้ *Mikoshi เพื่อให้โชคดี (ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ด้านล่างนะคะ) พวกเขาจะถูกเคาะศีรษะโดย *Suinkyo เพื่อให้สุภาพดี และจะได้พบกับ *Akuma หนึ่งหรือสองตนที่เดินด้อมๆมองๆไปตามถนน
ฉันคงไม่อาจอธิบายรายละเอียดได้ทั้งเทศกาล เพราะรายละเอียดมันเยอะมากจริงๆแต่ฉันขอแนะนำว่าให้คุณคอยอยู่รอบๆ Kurashikikan เข้าไว้ซึ่งสมัยก่อนมันคือเมือง คุราชิกิ และตอนนี้มันกลายเป็นศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวไปแล้ว ที่ตรงนั้นคุณจะสามารถมองเห็นขบวนแห่และลิ้มรสงานเทศกาลได้อย่างจุใจเลยทีเดียวค่ะ
คุณจะได้ยินเสียงขบวนแห่มาก่อนที่มันจะมาถึงซะอีก ซึ่งมันจะมียมฑูตนำทาง Mikoshi และ *Senzairaku จะคอยสวดมนต์ไปด้วยในขณะที่พวกเขากำลังเดิน *Miko หรือนักบวชหญิงของญี่ปุ่นจะนั่งอยู่บนม้าและคอยนำชบวนแห่ *Sanjyojin หรือเทพธิดาทั้ง 3 จะนั่งอยู่บนเรือและล่องมาตามลำน้ำพร้อมนักดนตรี *Gagaku จะอยู่ในเรือลำถัดไปซึ่งจะอยู่ห่างจากเรือของเทพธิดาเล็กน้อย ซึ่งพวกเขาจะลอยเรือไปตามลำน้ำมุ่งหน้าไปตามคลองก่อนที่จะขึ้นฝั่งในที่สุด
เมื่อนักบวชหญิงและเทพธิดาทั้ง 3 มาถึงบนสะพานหิน Miko จะกล่าวสุนทรพจน์จากนั้นพวกเธอจะเริ่มร้องเพลง ซึ่งมันเป็นเพลงที่ถูกเปล่งออกมาจากเสียงที่งดงาม พร้อมกันนั้นเทพธิดาทั้ง 3 ก็เริ่มร่ายรำ ท่วงท่าของพวกเธอตราตรึงใจราวกับมีมนต์สะกดซึ่งทำให้ทั่วทั้งงานรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายเต็มไปหมด แต่คุณจะไม่รู้สึกลุกลนหรือรำคาญใดๆเลย เพราะในตอนนั้นทุกคนกำลังถูกสะกดไว้ด้วยทัศนียภาพอันงดงามตรงหน้าค่ะ คุณสามารถสัมผัสลมเย็นๆที่พัดผ่านมากระซิบข้างใบหูพร้อมๆกับแสงแดดที่ส่องสว่างลงมาอย่างอบอุ่นบนใบหน้าของคุณ ณ ตอนนั้นคุณจะรู้สึกได้ถึงความสงบและสันติสุขอย่างแท้จริง หลังจากบทเพลงจบลงขบวนแห่ยังคงมีต่อแต่ผู้คนส่วนใหญ่มักเดินออกจากงานเพื่อไปดื่มกาแฟหรือเดินไปยังร้านค้ารอบๆเมืองเพื่อเลือกซื้อสินค้าที่พวกเขาหมายตา
เหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของงานเรียกได้ว่าเป็นโอกาสพิเศษจริงๆที่ ผู้อยู่อาศัยบางส่วนจะเปิดบ้านให้กับประชาชนเข้าชมและจัดแสดง Byobu (แผ่นพับ) ที่พวกเขาคอยรักษามารุ่นต่อรุ่น ซึ่งบางส่วนจะมี Ikebana (การจัดดอกไม้) และงานประดิษฐ์ตัวอักษร เรียกได้ว่าหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวและซึมซาบวัฒนธรรมต้องไม่พลาดเทศกาลนี้จริงๆค่ะ
การเดินทาง:
- นั่งรถไฟมาจากสถานี JR Okayama ถึง JR Kurashiki ใช้เวลาเพียง 10 นาที ซึ่งมันเป็นเส้นทางตรงที่ใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุด เมื่อมาถึงยังสถานี Kurashiki แล้วให้เดินตามป้ายบอกทางมาได้เลยค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะให้อ้อมนิดหน่อยมากกว่า ฉันแนะนำให้คุณไปยังถนน Center-Gai (อยู่ทางซ้ายของถนนหลัก) ซึ่งบริเวณนั้นจะมีร้านเก่าๆและร้านอาหารมากมายที่ทำให้คุณสามารถเลือกดื่มด่ำกับอาหารพื้นเมืองและเลือกซื้อสินค้าที่ถูกใจได้ด้วย มันอาจจะใช้เวลาเดินทางนานกว่านิดหน่อย (ใช้เวลาเดินทางนานกว่าและมีอะไรอีกมากมายที่จะทำให้คุณไขว้เขวอยู่เรื่อย) แต่ถึงจะไปช้าหน่อยเส้นทางนี้ก็นำคุณไปยัง Bikan ได้เหมือนกันค่ะ
- มันจะมีร้านขายเนื้อที่ดูเก่าๆหน่อยเขาจะขาย mean katsu ฉันยังจำเสียงกรุบกรอบของเนื้อคำแรกที่กัดลงไปได้อยู่เลยค่ะ- ถ้าหากคุณชอบของเล่นเก่าต้องไม่พลาดเส้นทางนี้นะคะ เพราะว่ามันจะมีร้านที่ขายสินค้าประเภทนี้อยู่ด้วยแต่ราคาค่อนข้างสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
*ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบทความนี้:
มีผู้คนมากมายที่ไปยังงานเทศกาลนี้เพื่อชมความงดงาม ความยิ่งใหญ่และไปเพื่ออยากจะมีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองนี้ แต่มันยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่บอกคุณว่าเทศกาลนี้มีความเป็นมาอย่างไรด้วยนะคะ สิ่งที่ฉันจะเขียนเล่าต่อไปนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งฉันหวังว่ามันจะช่วยให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินไปกับเทศกาลนี้มากขึ้นเมื่อคุณมีโอกาสได้ไปสักครั้งหนึ่ง
Sanjojin 三女神
ศาลเจ้า Munakata นี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ Munakata Sanjoshin 宗像三女神 ซึ่งผู้คนที่บูชาจะอยู่ใต้การอุปถัมภ์ของ Munakata 宗像 ในเกาะตระกูล Kyūshū (Kyushu) ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งชื่อเทพธิดาดั้งสามของ Munakata ว่า เจ้าหญิงอิชิกิชิมะ (市杵嶋姫)เจ้าหญิงทากิซุ (湍津姫) เจ้าหญิงทาโกริ (田心姫) ซึ่งเทพธิดาทั้ง 3 พระองค์นี้เชื่อว่าเป็นบุตรีของเทพดวงอาทิตย์ Amaterasu พวกเขาชื่อว่าเทพเหล่านี้จะเป็นผู้ปกป้องประเทศ ผู้คนในจักรวรรดิ และปกป้องลูกค้าที่ดินทางข้ามทะเลและชาวประมงให้ปลอดภัย
Miko 巫女
มิโกะหรือนักบวชหญิงคือหญิงพรมจรรย์ซึ่งประจำอยู่ที่ศาล ซึ่งผ่านการอบรมและคอยปฏิบัติงานในศาล ตั้งแต่การทำความสะอาดศาล ทำพิธีในศาล และพิธีร่ายรำ
Gagaku 雅楽
คือเพลงพื้นเมืองของศาลจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งมีความเชื่อว่าเพลงนี้ถูกใช้เพื่อสื่อสารกับเทพ
Mikoshi 神輿
เป็นเกี้ยวที่ให้เทพโดยสารในช่วงเทศกาลหรือถูกใช้เมื่อต้องการย้ายเทพออกจากศาล ในช่วงเทศกาลจะมีคนแบก Mikoshi บนบ่าของพวกเขาและขยับไปรอบๆพื้นที่ใกล้เคียงและเขย่าอย่างรุนแรงเพื่อทำให้เทพเจ้าที่อยู่ด้านในพึงพอใจ
Senzairaku 千歳楽
เป็นเวทีลอยที่จะมีกลองและเครื่องเล่นเพลง เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Taiko-dai 太鼓台 และในพื้นที่โอกายามะจะเรียกมันว่า Senzairaku มันจะถูกแบกขึ้นบนไหล่ขณะที่ทำการเคลื่อนที่ไปเรื่อยก็จะมีการร้องเพลงสวด ต้นกำเนิดของ Senzairaku มาจากเพลง Noh ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นในยุคเอโดะและเนื่องจากความนิยมของมันคนเริ่มเรียกเวทีกล่องนี้ว่า 'Senzairaku' ซึ่งเวทีกลองลอยนี้จะนำหน้าขบวดพาเหรดเพื่อมอบความบันเทิงให้แด่เทพ
Suinkyo 素隠居
คือคนที่สวมใส่เสื้อผ้าโบราณและจะเป็นชายและหญิงสูงอายุ พวกเขาจะมีอารมณ์ขัน พวกเขาจะคอยตีหัวคนอื่นๆด้วยพัดสีแดง ว่ากันว่าการตีในบริเวณที่ถูกต้องบนศีรษะจะทำให้คนฉลาดขึ้นและยังสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งมันจะมีเพียงไม่กี่รุ่นจากต้นกำเนิดแต่พวกเขามักเรียกกันแบบสั้นๆว่า 「素晴らしい隠居」ซึ่งอันที่จริงแล้วมันหมายความว่า ผู้เกษียณอายุ ซึ่งพวกเขาแต่ละคนที่มาร่วมงานจะมีอายุที่ยืนยาว
Shibu-uchiwa 渋うちわ
พัดสีลูกพลับซึ่ง Suinkyo จะเป็นผู้ถือมัน
Akuma 悪魔
คือปีศาจของประเทศญี่ปุ่น