หนึ่งในป้ายไฟที่โด่งดังมากที่สุดในโลกนั้นเห็นจะต้องยกให้ป้ายไฟกูลิโกะแห่งโดตมโบริซึ่งใครก็ตามที่มาเยือนโอซาก้าต่างก็ต้องแวะเวียนมาถ่ายรูปกับสัญลักษณ์อันโด่งดังนี้กันแทบทุกคน
ป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน (Glico Man Billboard) นั้นกลายเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญแห่งหนึ่งของโอซาก้าไปแล้ว ป้ายไฟอันโด่งดังนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโดตมโบริบริเวณสะพานอิบิซึบาชิ (Ebisubashi Bridge) สะพานเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) กับย่านโดตมโบริ (Dotonbori) อันถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโอซาก้านั่นเอง
ป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน (Glico Man Billboard) แห่งโดตมโบริอันแรกนั้นถูกติดตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1935 โดยมีรูปร่างคล้ายปรอทและมีกูลิโกะแมนตัวเล็ก (ในแบบโลโก้ดั้งเดิม) อยู่ที่ด้านบนสุด หลังจากนั้นมีการปรับเปลี่ยนป้ายเรื่อยมาจนกระทั่งถึงป้ายรุ่นที่ 5 ที่ติดตั้งในปี ค.ศ.1998 ซึ่งเป็นป้ายกูลิโกะเวอร์ชั่นล่าสุดอันโด่งดังโดยมีกูลิโกะแมนกำลังวิ่งเข้าเส้นชัยซึ่งเป็นโลโก้รุ่นใหม่และด้านหลังนั้นก็มีสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของโอซาก้า 4 แห่ง นั่นก็คือ ปราสาทโอซาก้า, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุคัง, สนามกีฬา Osaka Dome และหอคอยซึเท็นกากุ ป้ายนี้ทำหน้าที่ของมันมากว่า 16 ปี ก่อนที่จะสิ้นสุดหน้าที่ลงเมื่อปี ค.ศ.2014 นี่เอง
***********************************************************************************
- Glico Girl >>> เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2014 ได้มีการถอดป้ายกูลิโกะรุ่นที่ 5 ออก และกูลิโกะก็ทำการขึ้นป้ายชั่วคราวซึ่งเป็นรูปของดาราดังของญี่ปุ่นอายาเซะ ฮารูกะ (Ayase Haruka)ใส่ชุดกูลิโกะสีขาวในแบบเดียวกับโลโก้แต่เป็นกระโปรง ทำท่าวิ่งและชูมือขึ้นเหมือนกับโลโก้กูลิโกะทุกประการแต่มือนั้นกำลังเปิดม่านสีแดง ส่วนฉากหลังนั้นก็เหมือนกับป้ายกูลิโกะเดิมในรุ่นที่ 5 ทุกประการ โดยขึ้นภาษาญี่ปุ่นตัวเล็กที่แปลประมาณว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นอีกสักพักทางกูลิโกะก็ทำการเปลี่ยนป้ายชั่วคราวอีกครั้งมาเป็นรูปของ อายาเซะ ฮารูกะ (Ayase Haruka) ในชุดเดิมที่ชูมือวิ่งเหมือนโลโก้แต่อยู่บนพื้นสีแดงล้วนพร้อมขึ้นข้อความ 新しいグリコの看板、完成間近!ที่แปลได้ว่า “ป้ายไฟกูลิโกะอันใหม่ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว!” ... และนี่ก็คือป้ายชั่วคราวที่ถือว่ามี Glico Girl ขึ้นป้ายเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
***********************************************************************************
ในที่สุดป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน (Glico Man Neon Billboard) แห่งโดตมโบริรุ่นที่ 6 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2014 จากป้ายไฟนีออนที่ค่อนข้างกินไฟนั้นถูกเปลี่ยนมาเป็นป้าย LED ที่ประหยัดไฟกว่าหลายเท่า แถมให้แสงที่สว่างกว่า ซึ่งป้ายไฟกูลิโกะอันล่าสุดนี้ใช้หลอด LED ประหยัดพลังงานถึง 140,000 ดวง ป้ายนั้นมีขนาดกว้าง 10.38 เมตร และสูง 20 เมตร
***********************************************************************************
- Nobel Prize >>> ป้ายกูลิโกะที่เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED นี้ถือเป็นการสดุดีแก่นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นทางอ้อมและทำให้ทุกคนได้รู้จักกับนักประดิษฐ์อันทรงคุณค่าต่อโลกนี้มากยิ่งขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน 3 นักวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่นก็เพิ่งจะได้รับ รางวัลโนเบล (Noble Prize) ในสาขาฟิสิกส์ ประจำปี 2014 มาครอง โดยได้รับรางวัลในฐานะผู้ประดิษฐ์หลอดไฟสีน้ำเงิน LED ที่มีส่วนช่วยเปลี่ยนโลกและประหยัดพลังงานได้อย่างมากมายมหาศาล ซึ่งสามนักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมกันประดิษฐ์นี้ก็คืออิซามุ อคาซากิ (Isamu Akasaki) แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต, ฮิโรชิ อมาโนะ (Hiroshi Amano) แห่งมหาวิทยาลัยนาโกย่า, และชูจิ นากามูระ (Shuji Nakamura) แห่งมหาวิทยาลัยโทกุชิม่า
***********************************************************************************
ป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน (Glico Man Billboard) รุ่นที่ 6 นี้เป็นภาพกูลิโกะแมนวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในแบบปกติ แต่ด้านหลังตัวกูลิโกะแมนจะมีจุดวงกลมสีแดงอันใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งธงชาติญี่ปุ่นอันหมายถึงพระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง ส่วนด้านหลังนั้นไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ เป็นป้ายที่สะอาดเรียบง่าย แต่ดูโดดเด่นสวยงามเลยทีเดียว โดยในช่วงเวลากลางวันนั้นจะไม่มีการปิดไฟใดๆ โชว์แค่ป้ายผ้าใบที่มีสีสันแสนคลาสสิก (เป็นเพิ่มการประหยัดพลังงานให้มากยิ่งขึ้น) ส่วนในเวลากลางคืนนั้นป้ายไฟนี้จะเปลี่ยนเป็นจอ LED อย่างน่ามหัศจรรย์ ฉายภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ หลากหลายรูปแบบ อาทิ ภาพโลโก้กูลิโกะแมนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งที่เปลี่ยนแสงสีได้, ภาพกล่องผลิตภัณฑ์กูลิโกะที่หล่นลงมาทับตัวกูลิโกะแมน, หรือแม้กระทั่งภาพกูลิโกะแมนวิ่งอยู่บนลู่วิ่งแต่ฉากหลังนั้นเปลี่ยนไปเป็นสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น รวมไปถึงวิ่งไปทั่วโลกด้วย เป็นต้น โดยป้ายไฟแบบจอ LED นี้จะทำการเปิดไฟเวลา 18.00-24.00 น. ของทุกคืนเท่านั้น
สำหรับใครที่อยากจะรู้จักกับกูลิโกะรวมถึงประวัติป้ายไฟเก่าๆ นั้นก็สามารถแวะไปที่ Ezaki Glico Memorail Hall แถบชานเมืองโอซาก้าได้ หรือใครอยากจะแวะซื้อของที่ระลึกเกี่ยวกับกูลิโกะก็แวะไปที่ร้าน Little Osaka Omiyage Market ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้ายกูลิโกะแมนที่โดตมโบริได้เช่นกัน ... แล้วถ้าใครมีโอกาสมาเยือนโอซาก้าอย่าลืมแวะไปชูสองมือแล้วเก็บภาพประทับใจกับป้ายไฟใหม่รุ่นที่ 6 สัญลักษณ์แห่งโอซาก้าล่าสุดกันล่ะครับ
---------------------------------------------------------------
ป้ายกูลิโกะรุ่นที่ 6 แห่งโดตมโบริ (Glico Man Billboard)
+ ที่ตั้ง : บริเวณสะพาน Ebisu-Bashi, Dotonbori, Chuo-ku, Osaka City, Osaka
+ เวลาเปิดไฟจอภาพ LED : ทุกวัน > 18.00-24.00 น.
+ วิธีเดินทาง :
>JR West : นั่งรถไฟ JR Osaka Loop Line (สายวงกลม) มาลงสถานี Shin-Imamiya หรือ Tennoji แล้วต่อรถไฟ JR Kansai Main Line (Yamatoji Line) ไปลงสถานี JR Namba
>Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย M–Midosuji Line (สีแดง) ลงสถานี M19-Shinsaibashi หรือ M20-Namba
>Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย N- Nagahori Tsurumi-ryokuchi (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี N15-Shinsaibashi
>Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Y–Yotsubashi Line (สีน้ำเงิน) หรือสาย S–Sennichimae Line (สีชมพู) ลงสถานี Y15,S16-Namba