เจดีย์ 5 ชั้น อันถือเป็นอาคารหลักของวัดชิเท็นโนจิ (四天王寺) ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในเขตอารามด้านใน ตรงจุดนี้จะมีห้องโถงหลัก (Golden Pavilion) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิ์สัตว์ (Nyorai Kannon) ให้เราได้สักการะบูชาอีกด้วย  (เครดิตรูปภาพ: Tada Ratchagit)

วัดชิเท็นโนจิ (四天王寺)

วัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของแดนอาทิตย์อุทัย

เจดีย์ 5 ชั้น อันถือเป็นอาคารหลักของวัดชิเท็นโนจิ (四天王寺) ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในเขตอารามด้านใน ตรงจุดนี้จะมีห้องโถงหลัก (Golden Pavilion) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิ์สัตว์ (Nyorai Kannon) ให้เราได้สักการะบูชาอีกด้วย  (เครดิตรูปภาพ: Tada Ratchagit)
Tada Ratchagit   - ใช้เวลาอ่าน 2 นาที

วัดเก่าแก่อันทรงคุณค่าที่มีอายุกว่า 1,400 ปีนี้คืออารามในพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการแห่งแรกของญี่ปุ่นและถือเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1136 (ค.ศ.593) โดยเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) ในสมัยพระจักรพรรดินีซูอิโกะ (Empress Suiko)

***********************************************************************************

  • พระจักรพรรดินีซูอิโกะ (Empress Suiko) ทรงเป็นพระจักรพรรดิองค์ที่ 33 ของญี่ปุ่นและทรงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดินีองค์แรกของญี่ปุ่น และถือเป็นราชวงศ์แรกของญี่ปุ่นที่ทรงนับถือพระพุทธศาสนาอีกด้วย ยุคนั้นนับเป็นครั้งแรกที่พุทธศาสนาประดิษฐาน ณ ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยมีการสร้างวัด Shitennoji ขึ้นเพื่อเป็นพุทธสถานอันเป็นที่สักการะของชาวพุทธเป็นแห่งแรกของญี่ปุ่นนั่นเอง

***********************************************************************************

พระองค์ริเริ่มก่อสร้างวัดเพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์ 4 องค์ (四天王-Shitenno แปลว่า 4 กษัตริย์แห่งสวรรค์) หลังจากที่พระองค์ได้ทรงอธิษฐานขอพรให้รบชนะสงครามเพื่อนำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระโพธิสัตว์ทั้ง 4 เจ้าชายโชโตคุทรงสร้างสถาบันขึ้นมา 4 สถาบัน (四箇院/Shika-in) อันเป็นระบบสวัสดิการสาธารณะเพื่อสังคม (สังคมสงเคราะห์) ให้เกิดขึ้นพร้อมกันในยุคนั้นด้วย อันได้แก่ 1.สถาบันทางศาสนาและการศึกษา (Kyoden-in) 2.สถาบันสวัสดิการสังคม (Hiden-in) 3.โรงพยาบาล (Ryobyo-in) 4.เภสัชสถาน (Seiyaku-in) เพื่อบริการแก่ประชาชนของพระองค์ซึ่งนี่ถือเป็นการสังคมสงเคราะห์ในญี่ปุ่นที่ถูกปูพื้นฐานมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย

ภายในอาณาเขตมหาวิหารชั้นในของวัดนั้นประกอบไปด้วย เจดีย์ห้าชั้นแบบญี่ปุ่น (五重塔- Gojunoto), วิหารทองคำ (金堂-Kondo) ที่ประดิษฐานรูปเคารพของพระโพธิสัตว์เนียวไร (Nyorai Kannon) และหอธรรม (Kodo) ซึ่งทั้งหมดเรียงตัวเป็นเส้นตรงจากทิศเหนือสู่ทิศใต้และโอบล้อมด้วยกำแพงระเบียงทางเดินสามด้านที่มีประตูแต่ละทิศ 3 ประตู คือ ประตูเทพ(ทิศใต้), ประตูทิศตะวันตก, ประตูทิศตะวันออก โดยการสร้างวัดแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนและวัดแห่งนี้ถือว่าเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว สำหรับหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างวัดอันยิ่งใหญ่อลังการนี้ก็คือกลุ่มวิศวกรที่เจ้าชายโชโตคุได้ซื้อตัวมาจากอาณาจักรแพ็กเจ (Baekje) ของเกาหลีเพื่อมาสร้างวัดพุทธแห่งนี้ขึ้นในญี่ปุ่น หลังจากนั้นพุทธศาสนาก็เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยและในขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็เริ่มรับวัฒนธรรมจากจีนอันเป็นจุดเริ่มแรกที่จีนเข้ามามีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมรวมถึงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นและขยายตัวขึ้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

***********************************************************************************

  • ชิเกะมิทซึ คอนโก (Shigemitsu Kongo) ช่างไม้หนึ่งในทีมก่อสร้างที่ถูกซื้อตัวจากอาณาจักรแพ็กเจ (Baekje) ของเกาหลีมาสร้างวัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji) นั้น ตัดสินใจเปิดบริษัทก่อสร้างเป็นของตัวเองมีชื่อว่า Kongo Gumi (金剛組) ขึ้นในปี พ.ศ.1121 (ค.ศ.578) ซึ่งบริษัทนี้เคยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ดำเนินงานมาต่อเนื่องมากที่สุดในโลกกว่า 1,400 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัดและศาสนสถานมาตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบัน สืบทอดในตระกูลเดียวกันมากว่า 40 รุ่น แล้วก็เป็นที่น่าเสียดายว่าในปี พ.ศ.2549 (ค.ศ.2006) บริษัทประสบปัญหาเรื่องเงินอย่างหนักจนต้องขายกิจการให้กับบริษัท Takamatsu Construction Group ไป แต่ถึงอย่างไรก็ดีบริษัทก็ยังคงดำเนินกิจการในชื่อเดิม Kongo Gumi อยู่และยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างวัดและศาสนสถานเช่นเดิมมาจนถึงทุกวันนี้   
  • (แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม >>> Kongo Gumi : www.kongogumi.co.jp / Takamatsu Construction Group : www.takamatsu-cg.co.jp)

***********************************************************************************

สำหรับตัววัดในปัจจุบันนั้นไม่ใช่อาคารเก่าแก่ดั้งเดิม เพราะมันถูกทำลายจากสงครามจนวอดวายไปหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งวัดในปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ตามโครงสร้างและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมทุกประการ โดยการบูรณะครั้งล่าสุดสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2506 (ค.ศ.1963) นี้เอง

ทุกวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาล Shoryo-e Bugaku Daihoyo อันเป็นเทศกาลประจำปีของวัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji) ซึ่งวันนี้เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) ในวันนั้นจะมีการทำพิธีสงฆ์พร้อมกับการร่ายรำกากะคุ (雅楽/Gagaku) อันงดงามถือเป็นการร่ายรำโบราณอันเป็นการแสดงชั้นสูงในราชสำนัก ซึ่งการร่ายรำนี้ยังถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย

---------------------------------------------------------------

วัดชิเท็นโนจิ (四天王寺 / Shitennoji Temple)

+ ที่ตั้ง : 1-11-18 Shitennoji, Tennoji-ku, Osaka City, Osaka

+ เวลาให้บริการ : เม.ย.-ก.ย. 08.30-16.30 น. / ต.ค.-มี.ค. 08.30-16.00 น. (เฉพาะส่วนพิพิธภัณฑ์ Hobutsu-kan ปิดวันจันทร์)

+ ติดต่อ : 06-6771-0066 / เว็บไซต์ : www.shitennoji.or.jp (ภาษาญี่ปุ่น)

+ ค่าผ่านประตู : รอบวัดภายนอกไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

>โซนมหาวิหาร (中心伽藍/Chushingaran) ผู้ใหญ่ ¥300 / นักเรียน-นักศึกษา ¥200 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ฟรี

>โซนพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ (宝物館/Takaramonokan) ผู้ใหญ่ ¥500 / นักเรียน-นักศึกษา ¥300 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ฟรี

>โซนสวนญี่ปุ่น (庭園/Teien) ผู้ใหญ่ ¥300 / นักเรียน-นักศึกษา ¥200 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ¥200

+ วิธีเดินทาง :

>JR West : นั่งรถไฟสาย JR Osaka Loop Line ลงสถานี Tennoji

>Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย T–Tanimachi Line (สีม่วง) ลงสถานี T26–Shitennoji-mae Yuhigaoka

>Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย M-Midosuji Line (สีแดง) หรือ T–Tanimachi Line (สีม่วง) ลงสถานี M23,T27–Tennoji

Tada Ratchagit

Tada Ratchagit @tada.ratchagit

เรามักจะตกหลุมรักเมืองแรกในชีวิตที่เราไปเยือนในสถานะนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางเสมอ, ผมชื่อ ธาดา ราชกิจ (โฟล์ค) เป็นนักเดินทางที่มีโตเกียวเป็นเมืองแรกที่เคยไปเยือนครับ ผมกลับมาเยือนเมืองนี้ถี่และบ่อยที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ผมเคยไปเยือนมา อาการตกหลุมรักเมืองนี้นั้นหนักเอาการพอสมควร ; ) นอ...