ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปดูงานศิลป์ด้านในพิพิธภัณฑ์ ผมก็ต้องสะดุดกับประติมากรรมศิลป์ด้านนอกเสียก่อนแล้ว เพราะการถักประสานกันของโครงเหล็กด้านนอกนั้นมันช่างโดดเด่นดึงดูดใจเสียจริงๆ
แรกเริ่มเดิมทีนั้นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งโอซาก้าอันปัจจุบันนี้เกิดขึ้นจากพิพิธภัฑณ์ศิลปะ The Expo Museum of Fine Arts อันถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกึ่งถาวรที่สร้างขึ้นเพื่องาน Expo’70 ในคราวที่โอซาก้าได้เป็นเจ้าภาพจัดงานอันยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งแรกของเอเชียนั่นเอง ต่อมาภายหลังจากจบงานนั้นทางเมืองโอซาก้าจึงได้ประกาศเปิดตัวพิพิธภัณฑ์นี้เป็นการถาวรในปี ค.ศ.1977 อันเป็นส่วนหนึ่งของ Expo Commemoration Park (โซนถาวรที่ไม่ถูกรื้อถอนหลังงาน Expo’70 จบลง) โซนอันเป็นที่ระลึกของการจัดงานอันยิ่งใหญ่นั่นเอง
แต่แล้วด้วยสถานที่ที่ไกลจากตัวเมืองมากพอสมควร ทำให้เดินทางลำบากและผู้คนมาชมน้อย อีกทั้งยังขาดงบประมาณในการสนับสนุนที่เพียงพอจนทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ทำให้อาคารจัดแสดงนั้นทรุดโทรมลงจนต้องตัดสินใจรื้อถอนทิ้งในที่สุด และพิพิธภัณฑ์ศิลปะดังกล่าวก็ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นการถาวรในช่วงต้นปี ค.ศ.2004
ผลงานศิลปะทั้งหมดนั้นยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีและได้มีการย้ายมาจัดแสดงยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลังใหม่แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้าด้วยวัตถุประสงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับพิพิธภัณฑ์ศิลปะเดิมที่ถูกปิดไป แล้วก็เปิดตัวในชื่อใหม่ว่า National Museum of Art, Osaka นั่นเอง โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างเสร็จและเปิดตัวต่อในปี ค.ศ.2004 ทันที เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งการจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยของเมืองโอซาก้า และด้วยอัตลักษณ์อันโดดเด่น ประกอบกับการจัดการพิพิธภัณฑ์ด้วยมาตรฐานที่ดีเยี่ยม พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติแห่งเมืองโอซาก้านี้ก็ก้าวขึ้นมากลายเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วในทันทีเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ National Museum of Art, Osaka แห่งนี้โดดเด่นตั้งแต่สถาปัตยกรรมอาคารอย่างที่ผมได้เกริ่นในตอนต้นไป ซึ่งนี่ถือเป็นงานประติมากรรมอาคารชิ้นเยี่ยมไปในตัว แท่งเหล็กที่สอดประสานกันอย่างสวยงามโดดเด่นนั้นมักจะเป็นที่ตั้งคำถามของคนที่พบเห็นเสมอว่ามันคืออะไรกันแน่ ... แน่นอนล่ะ ผลงานศิลปะมักทิ้งให้คุณตีความ ... แต่หนึ่งในข้อมูลประกอบจินตนาการนั้นก็คือแรงบันดาลใจของงานนี้นั่นเอง ซึ่งโครงเหล็กที่สอดประสานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นกกที่พริ้วไหวลู่ไปลมนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งมั่งคง อันอาจสื่อถึงศิลปะที่เปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัยแต่ทว่ามันก็ยังคงมีพลังในการสื่อสารอย่างแข็งแกร่งอยู่เช่นเคย
สำหรับตัวพิพิธภัณฑ์จริงๆ นั้นอยู่ชั้นใต้ดินนี่เอง มีความลึกถึง 3 ชั้น พื้นที่จัดแสดงงานนั้นมีหลายส่วนมากมาย จัดแสดงทั้งงานศิลปะถาวร และศิลปะหมุนเวียนที่มีศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งจากศิลปินญี่ปุ่นเองไปจนถึงศิลปินจากทั่วโลกหมุนเวียนกันมาอย่างสม่ำเสมอ โดยพื้นที่ทั้งหมดนั้นออกแบบโดย César Pelli สถาปนิกชาวเอเจติน่า-อเมริกันอันโด่งดังซึ่งเขาเคยออกแบบอาคารสำคัญๆ อันโดดเด่นของโลกมามากมาย อาทิ World Financial Center ที่แมนฮัตตัน (บริเวณโซนอันเป็นที่ตั้งของอดีตตึกแฝด World Trade Center) หรืออาคารที่เอกลักษณ์โดดเด่นและเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างตึกแฝด Petronas Twin Towers ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นั่นเอง
ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาสู่โลกภายนอก ผมสัมผัสได้ถึงการซึมซับแรงบันดาลใจและก่อเกิดพลังสร้างสรรค์ในตัวได้เป็นอย่างดีทีเดียว มันทำให้ผมนึกถึงวลีดีๆ ที่ท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะไทยร่วมสมัยหยิบเอาปรัชญากรีกโบราณที่ท่านชื่นชอบมาสั่งสอนลูกศิษย์เสมอๆ
ARS LONGA VITA BREVIS
“ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น”
National Museum of Art, Osaka (国立国際美術館)
ที่ตั้ง : 4-2-55 Nakanoshima , Kita-ku, Osaka City, Osaka
เปิด-ปิด : 10.00-17.00 น., เฉพาะวันศุกร์ 10.00-19.00 น. (หยุดวันจันทร์)
ติดต่อ/ข้อมูลเพิ่มเติม : 06-6447-4680, www.nmao.go.jp
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ ¥420 / นักเรียน-นักศึกษา ¥130 / เด็ก (ต่ำกว่า 18 ปี) และผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) ฟรี
ค่าผ่านประตูพิเศษเพิ่มเติม : แล้วแต่นิทรรศการที่จัดแสดงพิเศษ
วิธีเดินทาง : นั่นรถไฟใต้ดิน Osaka Subway สาย Y–Yotsubashi Line ลงสถานี Y12–Higobashi / JR Osaka Loop Line ลงสถานี Fukushima