Umeda,Namba,Shinsaibashi สามแลนด์มาร์คชื่อดังของโอซาก้าที่ใครได้มาเยือนศูนย์กลางแทบคันไซนี้จะต้องมาสถานที่The Mustเหล่านี้ แต่ถ้าใครเบื่อกับแสงสี แหล่งบันเทิงอันวุ่นวาย อยากหาเวลานั่งชิลๆ จิบกาแฟ ฟังเพลง ดูวิถีชีวิตของผู้คนอย่างช้าๆ เราขอเสนอสถานที่เก๋ๆที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นอย่างย่านNakazakicho หมู่บ้านอาร์ทิสต์ที่อยู่ห่างจากย่านUmedaเพียงไม่กี่สถานี
ย่านนี้ถือเป็นแหล่งรวบรวมวัฒนธรรมวัยรุ่นญี่ปุ่นแห่งใหม่ที่เริ่มฮอตฮิตมาได้ไม่นานนัก เหมาะสำหรับคนที่ชอบงานแฮนเมด ไอเดียคูลๆ ที่นี่มีทั้งร้านเสื้อผ้าแนววินเทจ งานดีไซน์เจ๋งๆ คาเฟ่ที่มีเน้นความน่ารักสไตล์Old Fashion เพราะแต่เดิมNakazakicho เคยเป็นหมู่บ้านที่รอดพ้นจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่2 จึงทำให้ชาวบ้านละแวกนี้พยายามที่จะรักษาความเก่าแก่แบบดั้งเดิมให้โดดเด่นเป็นสไตล์เฉพาะของย่านนี้
ในทุกๆวันอาทิตย์ที่นี่จะเต็มไปด้วยวัยรุ่นที่มีใจรักในงานศิลปะมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสัปดาห์ อาทิเช่น การเต้นJ-Pop, ถนนคนเดินที่จัดแสดงงานศิลปะแนวๆ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาถึง 10 ปีแล้ว ทำให้ที่นี่เป็นที่เลื่องลือของวัยรุ่นญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
ไอคอนแห่งย่านนากะซากิโจก็ต้องยกให้กับร้านขายผ้าย้อมมือ “Nijiyura” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดผ้าย้อมมือลาย “Yagasuri” หรือลายลูกศรติดกัน ร้านนี้เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ยุคเมจิ มีการพัฒนาลายผ้าให้เข้ากับยุคสมัยโดยการเชิญศิลปินชื่อดังมาร่วมออกแบบ อาทิเช่น Day Starter ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็ต้องสูงพอๆกับความโด่งดังของศิลปินเช่นกัน
สิ่งที่ผู้เขียนประทับใจมากๆในย่านนี้คือร้านคาเฟ่ที่เงียบสงบ ตกแต่งมีสไตล์ร้านหนึ่งในซอกเล็กๆแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ชื่อว่า“ร้านCafé Clicquot”
ตั้งแต่โมเม้นท์แรกที่ตัดสินใจเข้าไปร้านนี้เพราะผู้เขียนมีความเชื่อ(แปลกๆ) ที่ว่าถ้าร้านอยู่ในซอกหลืบแสดงว่าจะต้องมีดีเหมือนเจอเพชรในบ่อโคลน(เว่อร์ไปไหน) พอเข้าไปถึงเห็นการตกแต่งร้านที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผนวกกับความเฟรนด์ลี่ของพนักงานในร้าน ที่เมื่อคุณเดินเข้ามาถึงสิ่งแรกที่เค้าจะพูดคือ “ขอบคุณที่ไว้ใจเรา เราจะบริการคุณด้วยใจ” แค่ประโยคนี้ก็กินใจกันไปเต็มๆแล้ว จากนั้นไม่รอช้าจึงสั่งโกโก้เย็นมาลอง ระหว่างรอก็ดื่มด่ำบรรยากาศไปเรื่อยๆ จะเห็นว่านอกจากวัยรุ่นที่ชอบมาย่านนี้แล้ว ยังมีคนวัยทำงานที่มาดื่มชายามบ่ายเพื่อคุยงานกันแบบไม่เป็นทางการอีกด้วย
ขอสารภาพตามตรงว่าผู้เขียนก็ไม่ได้คาดหวังในรสชาติเครื่องดื่มเท่าไหร่นัก แต่พอดื่มไปอึกแรกก็วางแก้วไม่ลงจนต้องสั่งแก้วที่สองตามมาติดๆ คงไม่ต้องบอกว่ารสชาติดีแค่ไหน คุณต้องมาลองเองแล้วล่ะคะ นอกจากเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่แล้ว ยังมีอาหารจานหลักและเค้กรสชาติต่างๆให้เลือกสรร ราคาก็ไม่ได้แพงเท่าย่านดังร้านอื่นๆ เครื่องดื่มส่วนมากราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 410 เยนเท่านั้น
ก่อนออกจากร้านได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณJiro ชายหนุ่มไต้หวันเจ้าของร้านที่เพิ่งวางมือจากการทำLatte Artขั้นเทพ ด้วยเแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกอปรกับใจรัก ทำให้เขาเลือกที่จะเปิดคาเฟ่เล็กๆในซอยแคบๆเพราะไม่อยากให้ร้านดูวุ่นวาย สามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วถึง เครื่องดื่มทุกแก้วทำด้วยใจ และการบริการที่เป็นมิตร เหล่านี้คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดในการทำธุรกิจให้ยั่งยืน
ที่นี่อาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับใครที่ต้องการช็อปปิ้งของแบรนด์เนมเท่าไหร่นัก แต่ถ้าคุณอยากออกจากโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายสักพัก ดูสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย Nakazakichoก็เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจที่คุณน่าจะลองมาปล่อยให้เวลาเดินอย่างเชื่องช้าสบายๆ แล้วคุณจะพบกับความสุขจากความเรียบง่ายนะคะ
การเดินทาง นั่งรถไฟสายTanaimachi Line(สายสีม่วง) ลงสถานีNakazakicho ออกประตูหมายเลข 2 แล้วเดินข้ามถนนเลี้ยวซ้าย และเดินเข้าไปตามตรอกเล็กๆก็จะถึงย่านดังกล่าวขนาดราว 500 ตารางเมตรแล้ว