มัตสึเป็นปราสาทโบราณ เป็นหนึ่งจากเพียง 12 ปราสาทดั้งเดิมที่เหลืออยู่ ซึ่งทำให้มันโดดเด่น ปราสาทถูกสร้างมากว่า 5 ยุค ตั้งแต่ปี1607-1611 โดยโฮริโอ โยชิฮารุ เจ้าผู้ถือครองมัตสึ
สิ่งที่มัตสึต่างจากปราสาทอื่นๆ เช่นที่ในฮิเมจิ คือรูปลักษณ์ที่ดูมืด มีไม้เป็นส่วนบุผนังปราสาทอยู่เป็นบริเวณกว้าง ภายนอกจะพบหลังคาที่ยื่นออกมา คล้ายกับปีกของนกหัวโตชนิดหนึ่ง จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาทนกหัวโต(ชิโดริ-โจ)
การก่อสร้างโดยรวม ใช้หินที่เจอในธรรมชาติเป็นองค์ประกอบ มีการเปลี่ยนรูปร่างหินที่เอามาใช้เพียงเล็กน้อย ภายในปราสาทตกแต่งด้วยไม้สนและไม้เพาโลว์เนีย
ชั้นบนสุดมีวิว 360 องศาของบริเวณรอบข้างให้ได้ชม จุดชมวิวตั้งและลักษณะการป้องกันอื่นๆของปราสาทถูกสร้างเพื่อการป้องกันภัยเมื่อปราสาทถูกโจมตี อย่างไรก็ตามปราสาทก็ไม่เคยถูกโจมตี และอยู่ในสภาพดีมาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงแรกของยุคเมจิ ที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศกับทางตะวันตก และมีการทำลายระบบศักดินาแบบเก่าไป ทำให้ปราสาททั่วญี่ปุ่นถูกทำลายลง โชคดีที่ประชาชนได้ปกป้องหาความยุติธรรมเพื่อปกป้องปราสาทแห่งนี้ไว้
ภายในปราสาทมีหมวกศึกและชุดเกราะจำนวนมาก และมีภาพบรรยายประวัติศาสตร์ของปราสาท มีรูปภาพของปราสาททั้งหมดในญี่ปุ่น และมีแบบจำลองขนาดเล็กของมัตสึที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
บริเวณพื้นสนามของปราสาทก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ข้างปราสาทมีวิหารมัตสึอยู่ เชื่อว่ามันถูกสร้างขึ้นในยุคเดียวกับปราสาท อย่างไรก็ตามในยุคศักดินาของเจ้า มัตสุไดอะระ นาโอมาสะตั้งแต่ปี 1638-1666 เขาได้สั่งให้สร้าง วิหารอินาริบริเวณสนามของปราสาทด้วย ซึ่งที่นั่นมีงานแกะสลักเป็นรูปจิ้งจอกอยู่กว่า 2,000 ตัว ที่นี้เป็นที่ชื่นชอบของลัฟคาดิโอ เฮิน ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีในการเดินจากทางหอคอยหลัก คุณจึงควรไปเที่ยวที่นั่น!
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีต้นไม้และดอกไม้ตรงสนามของปราสาทเช่นต้นเชอรี่, ต้นพลัม และพืชกลุ่มอะแซลเลีย และอื่นๆ เมื่อพวกมันผลิบาน จะเป็นการเติมสีสันให้กับปราสาท การเดินผ่านพื้นดินที่นั่นจะยิ่งสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่จะมีใบไม้สีแดง และสีส้มล่วงอยู่ตามพื้น เช่นเดียวกับในเดือนมีนาคม และต้นเมษายน จะมีการจัดงานเทศกาลที่ปราสาทขณะที่ดอกเชอรี่กำลังผลิบานดีที่สุด หลายๆคนก็มาชมวิวในช่วงเวลานี้ ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาด้วยงานรื่นเริงและของกินมากมาย
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่ง โดยการนำหนังสือเดินทางมายืนยันที่ห้องขายตั๋ว