ระหว่างฤดูที่หนาวที่สุดในญี่ปุ่น ดอกพลัมจะเบ่งบานเพื่อค่อยๆ บอกเล่าว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาเยือน และทุกๆ ปีในช่วงที่ดอกพลัมเบ่งบาน จะเป็นเวลาเดียวกับที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ MOA จัดแสดงผลงานชิ้นเอกทั้งหมดของ Korin Ogata “ดอกพลัมสีแดงและขาว” 『紅白梅図』 ซึ่งเราสามารถชื่นชมภาพต้นพลัมของ Korin และดอกพลัมจริงๆ เบ่งบานได้ในเวลาเดียวกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ MOA
MOA Museum of Art ตั้งอยู่ในเขต Atami, Shizuoka ซึ่งใช้เวลาเพียง 10 นาที ในการนั่งรถบัสมาจากสถานี JR Atami ผลงานหลักเป็นศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยภาพวาด อักษรประดิษฐ์ เครื่องปั้นดินเผาและงานประดิษฐ์ด้วยมือ
คุณอาจแตกตื่นเมื่อเดินเข้ามายังตัวอาคาร เพราะบันไดเลื่อนที่นำคุณขึ้นไปสู่ประตูพิพิธภัณฑ์ เป็นเพดานทรงกระบอกผ่าครึ่งเต็มไปด้วยไฟหลากสี จนคุณอาจรู้สึกคล้ายถูกกลืนเข้าไปในความว่างเปล่าของตัวอาคาร อาคารหลักตั้งอยู่บนยอดเขา บังคับให้คุณต้องเบนสายตาไปมองวิวทะเลอันงดงามด้านล่าง
นอกจากห้องจัดแสดง ยังมีโรงละคร Noh และ golden tearoom(ห้องน้ำชา) อีกด้วย golden tearoom แห่งนี้เป็นที่หย่อนใจดั้งเดิมของ Toyotomi Hideyoshi เมื่อ 400 ปีก่อน
สวนต้นพลัมตั้งอยู่เรียบทางลาดชันลงเขา จากจุดจอดรถบัสของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีต้นพลัมกว่า 280 ต้น ที่แตกต่างกันถึง 38 สายพันธุ์ ตรงกลางสวนยังมีบ้านน้ำชาเล็กๆ ตั้งอยู่คอยเสริฟ์ชาเขียวให้ผู้เข้าชม (500 เยน)
Korin Yashiki (ที่อยู่อาศัยของ Korin ; การก่อสร้างใหม่)
อาดารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นพิพิธภัณฑ์สวนดอกไม้ ตามแผนการดั้งเดิมของ Korin และช่างไม้ ในปี 1712 Korin ตัดสินใจอาศัยอยู่ในเกียวโต และสร้างบ้านหลังนี้ ที่ซึ่งเขาได้ใช้เวลาห้าปีสุดท้ายของชีวิตและสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่อย่าง “ดอกพลัมสีแดงและขาว”
Korin Ogata (1658-1716)
Korin เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยในเกียวโต ซึ่งซื้อขายผ้าชั้นดี ย้อมสี และนำมาถักทอเป็นกิโมโน เขามักจะถูกรายล้อมด้วยการออกแบบแบบดั้งเดิมและลวดลายที่เป็นที่นิยม เขาจึงเติบโตมาอย่างใกล้ชิดกับความงามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
Korin ใส่ใจกับการวาดและลอกลายกิโมโนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เขาไม่เคยจริงจังกับมัน จนกระทั่งเขาผลาญมรดกของตัวเองจนหมด เขาค่อนข้างแตกต่างจากน้องชาย Kenzan Kenzan ซึ่งกลายมาเป็นนักเซรามิกที่มีชื่อเสียง รักการเรียนและการทำงาน เขาขยันและฝักใฝ่ในทุกๆสิ่ง ในทางกลับกัน Korin ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย และมักไปเที่ยวเกอิชาเพื่อดื่มจนเมาหัวราน้ำ ในปี 1687 Korin ได้รับมรดกจากพ่อ แต่เงินทั้งหมดก็ถูกผลาญไปในเวลาเพียงห้าปี แม้กระนั้นเขาก็ยังไม่เลิกนิสัยฟุ่มเฟือย
แม้ Korin จะคิดว่าการวาดรูปเพื่อเงินไม่ใช่หนทางของตัวเอง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ในปี 1697 เขาแต่งงานกับผู้หญิงซึ่งอ่อนกว่าเจ็ดปีและมีลูกชายด้วยกันสามคน Korin ทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่ยังคงใช้เงินมากว่าที่หามาได้อยู่ดี เขาจึงต้องจำยอมรับสภาพหนี้เสมอ
ประมาณปี 1704 Korin ย้ายมาอยู่ที่เอโดะ และในปี 1707 เขาถูกว่าจ้างเป็นส่วนตัวจากตระกูล Sakai (ตระกูล Daimyo ระดับสูง) อย่างไรก็ตาม ประมาณ 50 ปีต่อมา Hoitsu Sakai (the fourth Rimpa artist in this series) ศิลปิน Rimpa คนที่ 4 ได้ถือกำเนิดขึ้นในตระกูล Sakai
ขณะที่ Korin ทำงานให้กับตระกูล Sakai เขามีโอกาสได้ลอกผลงานที่ยิ่งใหญ่ของ Sotatsu’s (the third Rimpa artist in this series) ศิลปิน Rimpa คนที่ 3 “ฉากเทพเจ้าแห่งลมและเทพเจ้าแห่งสายฟ้า” Korinได้เรียนรู้มากมายจากรูปภาพของ Sotatsu และในเวลาเดียวกันเขาก็เข้าใจรูปแบบของตัวเองและมีความปรารถนาที่จะสร้างโลกของเขาขึ้นมา เพื่อกลายเป็นจิตกรอย่างแท้จริง ในปี 1712 Korin ย้ายกลับไปยังเกียวโตถาวรและสร้างบ้าน (ซึ่งถูกก่อสร้างใหม่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ MOAในเวลาต่อมา) หลังจากนั้น “ดอกพลัมสีแดงและขาว” จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อท้ายที่สุด Korin ได้กลายเป็นสิ่งที่เขาอย่างจะเป็นจริงๆ
ดอกพลัมสีแดงและขาว 『紅白梅図』
แนวเส้นที่บิดงอระหว่างต้นพลัมทั้งสองทำให้เกิดความโดดเด่นที่น่าประทับใจตั้งแต่แวบแรกที่เห็น Korin แสดงด้านที่ขัดแย้งในชีวิตของตนผ่านทางภาพวาด คุณรู้สึกอย่างไรกับงานของเขา
ต้นพลัมสีแดงประกอบด้วยความทนทานและไร้เดียงสาอยู่ในลำต้นหนาใหญ่ ซึ่งยังแสดงความจริงจังและเถรตรงในกิ่งก้านแนวตั้งอีกด้วย นอกจากนี้ยังให้ความสดชื่นและเบิกบานใจจากดอกสีแดงสดใส บวกกับรูปร่างโค้งงอแต่ทรงพลัง ต้นพลัมสีแดงเปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนด้านดีงามของชีวิต ซึ่งอาจสะท้อนถึงช่วงชีวิตวัยหนุ่มของ Korin
ในทางตรงกันข้าม ต้นพลัมสีขาวนั้นแก่และผอมบาง ประดับด้วยดอกสีขาวสวยงามและบอบบาง ให้ความรู้สึกสงบ เป็นตัวของตัวเองและจิตใจที่มั่นคงอยู่ภายใน ต้นไม้ดังกล่าวคล้ายจะบ่งบอกจิตวิญญาณศิลปินที่เติบโตแล้วของ Korin
ลายเส้นตรงกลางภาพของเขาในตอนแรกกว้างและแคบลงในทันที ทั้งยังมืดและค่อยๆ โค้งงอ คาดว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของ Korin ในขณะเดียวกันแนวคลื่นก็นุ่มนวลอ่อนโยน เขาอาจจะกำลังพูดว่า “นี่แหละชีวิต , ชีวิตจริง , มีเท่านี้ ”
ผลงานอื่นๆของ Korin สามารถชมได้ที่
Wind God and Thunder God Screen 『風神雷神図屏風』(Tokyo National Museum)
Iris Iaevigata 『燕子花図屏風』 (Nezu Museum, Tokyo)
Irises and Bridge『八ツ橋図屏風』 (Metropolitan Museum, New York)
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีความสนใจในศิลปะของญี่ปุ่น คุณอาจรู้จัก “ฉากเทพเจ้าแห่งลมและเทพเจ้าแห่งสายฟ้า” 『風神雷神図屏風』เทพเจ้าดูเหมือนกำลังสนุกสนานในงานของตนเอง (สร้างลมและสายฟ้า) ฉากหลังสีทองนั้นดูสดใสและแปลกใหม่ สำหรับรูปภาพดั้งเดิมนั้นเป็นงานของ Sotatsu Tawaraya แต่ Korin Ogata, Hoitsu Sakai, และ Soitsu Suzuki ได้ลอกเลียนเพื่อการศึกษา จึงเป็นที่มาของชื่อโรงเรียน Rimpa
เกี่ยวกับซีรี่ย์-ผู้เชี่ยวชาญศิลปะแห่งโรงเรียน Rimpa
โรงเรียน Rimpa เป็นโรงเรียนซึ่งก่อตั้งในศตวรรษที่ 16 ของญี่ปุ่น เชี่ยวชาญการใช้โครงสร้างแข็งแกร่ง การตกแต่ง แต่ออกแบบเน้นประณีต และนิยมสร้างลานโล่ง การจัดประเภทศิลปินของโรงเรียน Rimpa เป็นที่รู้จักว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นอิสระและเรียนรู้จากภาพของศิลปินคนอื่น ในซีรี่ย์นี้ ฉันได้แสดงห้าศิลปินของโรงเรียน Rimpa ผู้เชี่ยวชาญที่อุทิศตนให้กับผลงานยิ่งใหญ่ระดับประวัติศาสตร์ศิลปะของญี่ปุ่น
1 Koetsu Hon Ami (1558-1637): Kyoto Koetsu-ji Temple
2 Sotatsu Tawaraya (1570?-unknown): Kyoto Kennin-ji Temple
3 Korin Ogata (1658-1716): Atami MOA Museum of Art
4 Hoitsu Sakai (1761-1829): Tokyo Mukojima Hyakka-en Garden
5 Soitsu Suzuki (1796-1858): Tokyo Iriya Asagao-ichi Fair