ความลึกลับของต้นวิสทีเรียที่ไม่มีรากและหินบนหลุมฝังศพของพระ (เครดิตรูปภาพ: Tomoko Kamishima)

วัดไดชูจิ

ความลึกลับของต้นวิสทีเรียที่ไม่มีราก

ความลึกลับของต้นวิสทีเรียที่ไม่มีรากและหินบนหลุมฝังศพของพระ (เครดิตรูปภาพ: Tomoko Kamishima)
Poranut J   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

วัดไดชูจิตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดโตชิกิ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่อง”7 นิทานสยองขวัญ”ซึ่งเรื่องราวถูกนำมาใส่ในหนังสือที่มีชื่อเสียงอย่างหนังสืออุเกะสึ เรื่องราวทั้ง 7 เป็นเรื่องสืบทอดมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันและเรายังสามารถเห็นส่วนที่หลงเหลือที่จับต้องได้จากเรื่องราวเหล่านั้นจนกระทั่งตอนนี้ ซึ่งได้แก่ 1. ต้นวิสทีเรียที่ไม่มีราก 2. ขั้นบันไดหินลื่น 3. เตาปรุงอาหารแบบใช้ไฟที่ไม่มีวันดับ 4. บ่อน้ำกับหัวม้า 5. ประตูห้องที่ไม่เคยถูกเปิด 6. กระดิ่งในระฆังไม้ในฮิกาชิยามะบนเนินเขา 7.ห้องตรงข้ามคุณ จากเรื่องเล่าเหล่านี้ ฉันขอพูดถึงเรื่อง”ต้นวิสทีเรียที่ไม่มีราก”หรือชื่อนิทานจริงๆคือ เรื่องราวของพระสงฆ์หมวกฟ้า ว่ากันว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่วัดนี้จริงๆ คุณสามารถหาข้อมูลเต็มและนิทานเรื่องอื่นๆได้ใน”อุเกะสึ โมโนกาตาริ”(นิทานของแสงจันทร์และสายฝน, สื่อพิมพ์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย)เขียนโดย อะคินาริ อุเอดะ (雨月物語 上田秋成著)แปลโดย แอนโทนี่ แชมเบอร์

เรื่องราวของพระสงฆ์หมวกฟ้า(โอซุคิน)

นานมาแล้วมีพระบำเพ็ญเพียรองค์หนึ่ง นามว่า ไคอัน เดินทางไปทั่วประเทศ อยู่มาวันหนึ่งท่านเดินผ่านหมู่บ้าน ตอนนั้นเป็นเวลาเริ่มค่ำดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชาวบ้านบางคนเห็นท่านแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน บางคนถึงกับกรีดร้อง พระไคอันสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อถึงเวลาค่ำ พระไคอันหยุดที่บ้านหลังใหญ่และถามถึงที่พักค้างแรม เจ้าของบ้านออกมาพร้อมกับกระบองและเกือบจะทำร้ายท่าน แต่เจ้าของบ้านคนนี้มีไหวพริบดีกว่าชาวบ้านคนอื่น เขามองพระไคอันอย่างระมัดระวัง พระไคอันยืนนิ่ง สวมเสื้อผ้าสกปรกพร้อมหมวกสีฟ้า ท่านอธิบายว่าท่านหิวและอ่อนแอมากและต้องการความช่วยเหลือ ในที่สุดเจ้าของบ้านยิ้มให้และเชิญท่านเข้าบ้าน หลังจากท่านทานอาหารเสร็จ เจ้าของบ้านเล่าเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

“เรามีวัดอยู่บนเนินเขาหลังหมู่บ้าน พระสงฆ์ที่อยู่ที่นั่นเคร่งครัดมาก พวกเราทุกคนเลื่อมใสในตัวท่าน แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ที่ผ่านมา ท่านไปนิอิกาตะและกลับมาพร้อมกับลูกศิษย์ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี พระสงฆ์ตกหลุมรักลูกศิษย์และได้ละเลยการปฏิบัติกิจสงฆ์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาลูกศิษย์ป่วยและท่านก็ดูแลเขาแต่ในที่สุดแล้วลูกศิษย์ได้ตายจากไป ท่านจมอยู่กับความเศร้าโศกทุกวันๆและแม้ว่าลูกศิษย์ได้ตายจากไปแล้วท่านยังเก็บร่างอันเน่าเปื่อยไว้เพื่อดูแลไปทุกวัน และที่ผ่านมาท่านได้กินเนื้อและเลียกระดูกของลูกศิษย์ จนทำให้ท่านกลายมาเป็นปอบที่กินมนุษย์คนอื่นๆ ชาวบ้านคงเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็รพระสงฆ์รูปนั้น”

หลังจากฟังเรื่องเล่า พระไคอันเสียใจกับชาวบ้านและพระสงฆ์รูปนั้น ท่านเสนอตัวที่จะเผชิญหน้ากับพระสงฆ์รูปนั้นและจะตักเตือนไม่ให้ทำบาปอีกต่อไป

เย็นวันต่อมา พระไคอันขึ้นไปบนวัดร้าง พื้นวัดเต็มไปด้วยวัชพืชและบ้านพระสูตรปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ พระไคอันเคาะประตูและถามพระสงฆ์ผู้ผอมแห้งที่ตอบรับหน้าประตูถึงการขอพักแรม พระสงฆ์รูปนั้นตอบกลับาว่าเขาไม่สามาถดูแลแขกที่พักเป็นอย่างดีได้ พระไคอันตอบไปว่าไม่เป็นไร จากนั้นพระไคอันนั่งลงตรงกลางพื้นจนเวลากลางคืนมาเยือน ในตอนเที่ยงคืนพระไคอันได้ยินเสียงแปลกๆจากห้องข้างๆ จากนั้นพระสงฆ์รูปนั้นเดินเข้ามาให้ห้องและมองหาพระไคอันพร้อมตะโกนว่า”พระไคอันอยู่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาต้องอยู่ที่นี่สิ เขาไม่อยู่ แล้วเขาหายไปไหน?” พระไคอันยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนและพระสงฆ์รูปนั้นได้เดินผ่านไปมาอยู่หลายครั้ง เขามองไม่เห็นพระไคอันแม้ว่าพระไคอันจะนั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขาค้นหาพระไคอันตลอดทั้งคืนแต่เขาก็หาไม่เจอ จนในที่สุดเขาก็เป็นลมล้มลงไปกับพื้น

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เขาฟื้นขึ้นมาเห็นพระไคอันนั่งอยู่ที่เดิม เขาจ้องมองที่พระไคอันครู่หนึ่ง พระไคอันเข้าไปหาเขาแล้วกล่าวว่า”ถ้าท่านอยากกินอาตมาก็กินเลย” เขาส่ายหัวและตอบว่า”ท่านต้องเป็นพระสงฆ์จริงแน่ๆ เมื่อคืนข้าไม่เห็นท่านเลย ข้าละอายใจที่อยากกินเนื้อมนุษย์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างท่าน” พระไคอันบอกเขาว่าท่านรู้ว่าเขาเป็นผีปอบและท่านมาเพื่อช่วยเหลือเขา พระไคอันถามเขาอย่างจริงใจหากเขาอยากกลับมาเป็นมนุษย์ เขาตอบ”อยาก” พระไคอันนำหมวกสีฟ้าไปใส่หัวเขาและสอนเขา 2 บทสวด พระไคอันบอกให้เขาสวดมนต์ 2 บทนี้ซ้ำไปเรื่อยๆจน”ท่านจะเข้าใจมันอย่างอย่างแท้จริง” หลังจากนั้นท่านจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง

หลังจากนั้น ชาวบ้านไม่เคยเห็นผีปอบอีกเลยและพวกเขาก็ชีวิตสงบสุขจากนั้นเป็นต้นมา ในฤดูหนาวต่อมา พระไคอันได้กลับไปหมู่บ้านนั้นอีกครั้งเพื่อตรวจตราความสงบเรียบร้อย มีชาวบ้านคนไหนเคยเห็นผีปอบอีกเลยหลังจากตอนที่พระไคอันมาเยือนครั้งสุดท้ายแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าไปวัดนั้นอยู่ดี ดังนั้นพระไคอันก็ไปที่วัดนั้นอีกครั้ง พบว่าวัดถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชหนาและไม่มีใครอยู่ที่นั่นจริงๆ พระไคอันแหวกหญ้าเพื่อเดินเข้าไปและพบมวลสารบางอย่างที่มีหมวกสีฟ้าปกคลุมอยู่ พระไคอันได้ยินเสียงลมท่องบทสวด 2 บทซ้ำซึ่งเป็นบทสวดที่ท่านเคยสอนพระสงฆ์รูปนั้นเมื่อปีที่แล้ว พระไคอันพูดกับมวลสารเหล่านั้นและตีด้วยคทาเบาๆ”ความหมายของบทสวดเหล่านั้นคืออะไร?” ทันใดนั้น มวลสารแตกกระจายลงพื้นและมีเพียงหมวกสีฟ้าและเถ้ากระดูกที่ยังเหลืออยู่ พระไคอันก็รับรู้ได้เลยว่าพระสงฆ์รูปนั้นได้จิตวิญญาณของมนุษย์กลับมาและท่านได้ปักคทาลงตรงพื้นที่ที่มวลแตกกระจายลงมา

หลังจากนั้นชาวบ้านมาช่วยกันทำความสะอาดวัดและขอให้พระไคอันอยู่ที่วัดเพื่อสอนพระพุทธศาสนาให้แก่พวกเขา ท่านอุทิศตนเองในการฟื้นฟูวัดและจนวัดเจริญรุ่งเรือง

ต่อมามีต้นวิสทีเรียเติบโตขึ้นมาในจุดที่พระไคอันปักคทาลงซึ่งต้นวิสทีเรียต้นนั้นไม่มีรากหยั่งลงดิน คุณสามารถไปดูต้นวิสทีเรียนี้ได้ในส่วนด้านในของวัด หลังห้องโถงใหญ่ และที่นั่นคุณยังสามารถพบกับหินบนหลุมฝังศพของพระไคอันและพระสงฆ์รูปนั้นที่เป็นผีปอบ

Poranut J

Poranut J @poranut.j