เมื่อเข้าสู่ด้านในศาลเจ้าก็ทำบุญด้วยการโยนเหรียญห้าเยนลงไปในกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่มี ตะแกรงไม้ทำไว้เป็นร่องๆ (ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้เหรียญห้าเยนในการบริจาคทำบุญ สาเหตุหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่า รูตรงกลางของเหรียญห้าเยน หมายถึงสิ่งเลวร้ายจะได้ผ่านรูนี้ไปได้และจะได้พบเจอแต่สิ่งที่ดี) ต่อด้วยการโค้งคำนับสองครั้ง ปรบมือสองครั้ง ขอพร และโค้งคำนับอีกหนึ่งครั้งเป็นอันเสร็จพิธี (เครดิตรูปภาพ: Sutatcha Chaiyakunwongsun)

ศาลเจ้าเมจิ

ธรรมะ ธรรมชาติ ความลงตัวที่ไม่ธรรมดา

เมื่อเข้าสู่ด้านในศาลเจ้าก็ทำบุญด้วยการโยนเหรียญห้าเยนลงไปในกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่มี ตะแกรงไม้ทำไว้เป็นร่องๆ (ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้เหรียญห้าเยนในการบริจาคทำบุญ สาเหตุหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่า รูตรงกลางของเหรียญห้าเยน หมายถึงสิ่งเลวร้ายจะได้ผ่านรูนี้ไปได้และจะได้พบเจอแต่สิ่งที่ดี) ต่อด้วยการโค้งคำนับสองครั้ง ปรบมือสองครั้ง ขอพร และโค้งคำนับอีกหนึ่งครั้งเป็นอันเสร็จพิธี (เครดิตรูปภาพ: Sutatcha Chaiyakunwongsun)
Sutatcha Chaiyakunwongsun   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

ถ้าจุดที่คุณยืนอยู่ในตอนนี้คือสถานีรถไฟเจอาร์ฮาราจูกุ (Harajuku) แน่นอนเลยว่าเบื้องหน้าของคุณก็คือสถานที่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นที่ขึ้นชื่อ ใครที่ได้มาเยือนย่านฮาราจูกุแห่งนี้ ก็ยากจะอดใจไหว ที่จะไม่แทรกตัวเข้าไปตามกระแสผู้คนในย่านนี้ แต่นอกจากแหล่งที่มีความสนุกสนานในเบื้องหน้าแล้วนั้น ถ้าเดินข้ามมาทางสะพานจิงงู (Jingu Bashi) จะพบว่าเบื้องหลังสถานีรถไฟเจอาร์ฮาราจูกุ ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หลังจากข้ามสะพานมา ทางด้านขวามือ คุณจะพบกับประตู Torii ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ประตูนี้เป็นทางเข้าของศาลเจ้าเมจิ เมื่อมองเลยเข้าไปทางด้านใน จะเห็นเป็นทางเดินที่มีระยะทางไกลออกไป (เจ้ามารตัวขี้เกียจในใจเริ่มสะกิดราวกับอยากบอกว่า เธอจะเดินเข้าไปไหวจริงหรือ?) หลังจากที่โค้งคำนับหน้าประตูเพื่อแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิ เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้เป็นการสร้างอุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ ที่เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1912 และจักรพรรดินีโชเก็ง ที่เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ.1914 และโค้งคำนับให้แก่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เพียงก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป คุณจะลืมนึกถึงเรื่องระยะทางที่ไกลออกไปได้โดยปริยาย เพราะอะไรเล่าถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบมันเฉลยอยู่รอบๆตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความสงบ ความร่มรื่น รวมถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสุดที่จะบรรยาย ของบรรดาเหล่าต้นไม้ขนาดใหญ่สองข้างทางที่เรียงรายตลอดทางเดินอย่างไรเล่า ที่จะทำให้ลืมความวุ่นวายออกไปได้ จนคุณอาจลืมไปด้วยซ้ำว่า เมื่อสักครู่คุณยังสนุกสนานอยู่ในย่านวัยรุ่นอย่างฮาราจูกุอยู่เลย เพียงแค่มีรางรถไฟกั้นกลางระหว่างสองสถานที่นี้เท่านั้น สองข้างทางเดินนั้นนอกจากจะมีต้นไม้ขนาดใหญ่แล้ว ยังมีถังสาเกและถังไวน์วางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ราวกับเป็นการเชื้อเชิญผู้ที่มาเยือนให้เข้าไปเก็บภาพความสวยงามได้ทุกรายไป ซึ่งถังสาเกและถังไวน์ทั้งหมดถูกบริจาคมาเพื่อนำไปใช้ในวันสำคัญและพิธีสำคัญของศาลเจ้าเมจิ เช่น วันปีใหม่ พิธีแต่งงาน งานฉลองต่างๆ และแล้วก็มาถึงจุดหมาย ศาลเจ้าเมจิตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ก่อนเข้าไปในศาลเจ้าต้องทำการชำระล้างมือที่ซุ้ม Temizuya เสียก่อน เมื่อเข้าสู่ด้านในศาลเจ้าก็ทำบุญด้วยการโยนเหรียญห้าเยนลงไปในกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่มีตะแกรงไม้ทำไว้เป็นร่องๆ (ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้เหรียญห้าเยนในการบริจาคทำบุญ สาเหตุหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่า รูตรงกลางของเหรียญห้าเยน หมายถึงสิ่งเลวร้ายจะได้ผ่านรูนี้ไปได้และจะได้พบเจอแต่สิ่งที่ดี) ต่อด้วยการโค้งคำนับสองครั้ง ปรบมือสองครั้ง ขอพร และโค้งคำนับอีกหนึ่งครั้งเป็นอันเสร็จพิธีหนทางไกล กลับไม่รู้สึกเหนื่อย ผู้คนเดินสวนทางกันไปมา จากต่างถิ่น ต่างภาษา แต่กลับมีรอยยิ้มให้กันเสมอ ลองพาตัวเองมายืนอยู่ตรงจุดนี้ แล้วคุณจะเข้าใจความหมายของคำว่า "ธรรมะ ธรรมชาติ ความลงตัวที่ไม่ธรรมดา" ว่าเป็นเช่นไร

Sutatcha Chaiyakunwongsun

Sutatcha Chaiyakunwongsun @sutatcha.chaiyakunwongsun272