"หากเปรียบดั่งเพชร Odaiba คงเปรียบเสมือนเพชรที่ถูกเจียระไนจนกลายเป็นเพชรน้ำงาม" โอไดบะที่ปรากฏแก่สายตานักท่องเที่ยวในวันนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ถึงประวัติของเกาะแห่งนี้ว่าผ่านความยากลำบากมาเพียงใดกว่าจะได้มีชีวิตใหม่ที่สดใสอีกครั้ง
Odaiba ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1853 เพื่อใช้ในการป้องกันภัยคุกคามจากการขยายและแสวงหาอำนาจของกองกำลังทางทะเลและในท้ายที่สุดเกาะแห่งนี้ก็ไม่สามารถต้านทานกองกำลังของ Matthew Perry ที่แผ่ขยายอำนาจในช่วงปี ค.ศ.1794-1858 ได้อีกต่อไป จึงเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องลงนามในอนุสัญญา Kanagawa ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ.1854 สัญญาฉบับนี้มีเนื้อหาใจความให้ประเทศญี่ปุ่นทำการเปิดเมือง Shimoda และ Hakodate เพื่อให้สหรัฐอเมริกาสามารถเข้าใช้เป็นท่าเรือและการเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้อิทธิพลของต่างชาตินั้นหลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว
ป้อมปราการซากปืนใหญ่ที่ถูกทิ้งร้างถูกบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1928 เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์สวนสาธารณะแห่งนี้ ในปีค.ศ. 1985 ประเทศญี่ปุ่นได้ประสบความสำเร็จจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Exposition ที่เมือง Tsukuba (EXPO'85 TSUKUBA) ซึ่งเป็นงานแสดงถึงความก้าวหน้าในเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะพัฒนาโอไดบะให้กลายเป็นเมืองแห่งอนาคตด้วยการทุ่มเม็ดเงินถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงนั้นได้พุ่งทะยานอย่างสูงสุดในช่วงปลาย ค.ศ.1980
การพัฒนาพื้นที่ Odaiba ต้องถูกชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ดำเนินมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ตัดสินใจสร้างสะพานแขวน Rainbow Bridge เพื่อเชื่อมแผ่นดินโตเกียวในปี ค.ศ. 1993 และรถไฟสาย Yurikamome เพื่อเชื่อมสถานีรถไฟ Shinbashi ในปี ค.ศ.1995 อีกทั้งยังได้ทำการปรับเปลี่ยนผังเมืองและข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อต่อลมหายใจให้กับชีวิตใหม่อีกครั้ง การย้ายสำนักงานใหญ่ของ FUJI TV ในปี ค.ศ.1997 มาพร้อมกับอาคารรูปร่างล้ำสมัยออกแบบโดย Kenzo Tange ถือเป็นแสงสว่างที่ส่องทางเดินให้ Odaiba ฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุนต่างๆเริ่มเข้ามามีบทบาทกับสถานที่แห่งนี้ภายใต้แนวความคิด Theme Park ร่วมกัน
หากใครเคยได้ไปโอไดบะ จะรับรู้ได้ถึงลานสาธารณะขนาดใหญ่ที่แฝงตัวไปตามทุกที่พร้อมกิจกรรมที่หลากหลายซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า จากพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการปกป้องประเทศจะกลับกลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสายและ"โอไดบะในวันนี้ถือเป็นเพชรน้ำงามที่เจิดจรัสบนมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาได้อย่างงดงามตลอดไป"