สะพานนิจูบาชิหรือสะพานแว่นตาในยามเย็นที่มองเห็นไม่เป็นแว่นตา (เครดิตรูปภาพ: Potcharet Rodhetbhai)

พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว

ชมสะพานแว่นตาและสวนสวยงามร่มรื่น

สะพานนิจูบาชิหรือสะพานแว่นตาในยามเย็นที่มองเห็นไม่เป็นแว่นตา (เครดิตรูปภาพ: Potcharet Rodhetbhai)
Potcharet Rodhetbhai   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

ถ้าพูดถึงโบราณสถาน พระราชวัง และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นหลายคนมักนึกถึงเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางเกียวโต แต่อันที่จริงแล้วใจกลางมหานครอันทันสมัยอย่างโตเกียว ก็ยังมีพื้นที่สีเขียว กว้างขวาง เป็นโบราณสถานที่มีคุณค่า และความสำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่นตั้งอยู่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานีรถไฟโตเกียว สถานที่นั้นคือ ”พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว (Tokyo Imperial Palace)”

พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว เป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นตลอดจนราชวงศ์อิมพีเรียล เดิมทีที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะ ซึ่งเป็นที่พำนักของโชกุนโตกุกาวะ (Tokugawa Shogunate) มาก่อน หลังจากที่ระบบโชกุนล่มสลาย ราชวงศ์อิมพีเรียลได้ย้ายที่ประทับจากเมืองเกียวโตมายังโตเกียว และได้สร้างพระราชวังแห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่แห่งนี้จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1888

โดยปกติพระราชวังอิมพีเรียลจะไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม ยกเว้นในวันที่ 2 มกราคม วันขึ้นปีใหม่ และ 23 ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ที่พระราชวังแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมเพื่อชื่นชมบารมีของสมเด็จพระจักรพรรดิ

จุดยอดนิยมที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของพระราชวังแห่งนี้มีอยู่ 2 ที่ คือ

  1. Nijubashi สะพานนิจูบาชิ สะพานเหล็กโค้งคู่ที่เชื่อมระหว่างเขตพระราชวังกับสะพานหิน คนญี่ปุ่นนิยมเรียกสะพานแห่งนี้ว่า ‘เมกะเนบาชิ’ ซึ่งแปลว่า”สะพานแว่นตา”อันเกิดมาจากภาพสะท้อนของสะพานกับบ่อน้ำจนดูเหมือนกับแว่นตานั่นเอง (ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมสะพานแห่งนี้แล้วมองเห็นเป็นแว่นตาคือ วันที่ฟ้าปลอดโปร่ง และมีแดดครับ)
  2. Imperial Palace East Garden สวนสาธารณะซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของพระราชวังเอโดะ ที่ในอดีตเคยเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเอโดะ ปีค.ศ.1657 ทำให้ปราสาทแห่งนี้พังทลายลงและเหลือแต่รากฐานให้คนรุ่นหลังได้เห็น รอบๆฐานของปราสาทเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เปิดให้ผู้คนเข้าชมฟรีตลอดทั้งปี (เปิด/ปิด : 9.00-16.30 น. ปิดวันจันทร์ วันศุกร์และวันหยุดตามประกาศสำนักพระราชวัง)

นอกจากสองสถานที่ท่องเที่ยวในพระราชวังแห่งนี้แล้ว รอบๆของวังยังมีสวนสาธารณะ สุดร่มรื่น คูน้ำและกำแพงหินจุดถ่ายรูปยอดนิยม อนุสาวรีย์ Kusunoki Masashige ซามูไรและขุนนางคนสำคัญในยุคคามาคุระ (ศตวรรษที่ 14) ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นซามูไรตัวอย่างแห่งความจงรักภักดี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 ตั้งอยู่อีกด้วย

รู้หรือไม่

วันที่ 2 มีนาคม 1657 เป็นวันเริ่มต้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเอโดะ (โตเกียว) คร่าชีวิตผู้คนนับแสนราย บ้านเรือนเสียหายเกือบทั้งเมือง โดยต้นเพลิงเกิดมามาจากพระรูปหนึ่งได้ทำการเผาเสื้อกิโมโนของเด็กสาว 3 คนเพื่อเป็นของส่งวิญญาณ เมื่อเริ่มเผาได้มีลมกรรโชกอย่างแรงจนทำให้โบสถ์ของวัดฮงเมียวจิติดไฟ และลามไปทั่วเมืองกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นร้ายแรงรองลงมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่กรุงลอนดอน และไฟไหม้ใหญ่กรุงโรม โดยไฟไหม้ในครั้งนี้ถูกเรียกว่า มหาอัคคีภัยเมเรกิ (The Great Fire of Meireki)

การเดินทาง

  • เดินตรงจากสถานีรถไฟโตเกียว ทางออก Marunouchi Central Exit ประมาณ 10 นาที
  • Tokyo Metro Hibiya Line ลงสถานี Hibiya [H7] ทางออก B6
  • Tokyo Metro Chiyoda Line ลงสถานี Nijubashimae ทางออก 2
  • Toei Subway Mita Line ลงสถานี Hibiya [I08] ทางออก B6
Potcharet Rodhetbhai

Potcharet Rodhetbhai @potcharet.rodhetbhai

ผมชื่อ พชเรศวร์ รอดเหตุภัย อายุ 22 ปี ผมมีความฝันอยากท่องโลกกว้างมาตั้งแต่เด็ก โดยมีประเทศที่ฝันอยากไปมากที่สุด คือ "ญี่ปุ่น" เมื่อเรียนจบมัธยมปลาย ผมมีโอกาสมาประเทศในฝันครั้งแรก และมีโอกาสเดินทางไปครั้งที่สองจากการเข้าร่วมโครงการ Travel Internship ที่เว็บไซต์แห่งนี้ จากประสบการณ์ในทั้งสองครั้งนั...