พิพิธภัณฑ์Ghibli เป็นเหมือนกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์โดยนักวาดการ์ตูนชื่อดัง ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่นี่ตั้งอยู่ในมิตากะ โตเกียว เป็นที่นิยมมากเสียจนคุณต้องซื้อตั๋วแบบระบุวันที่และเวลา (ซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อลอว์สัน) มีความต้องการซื้อตั๋วสูงมาก จากคนทุกอายุและชนชาติ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็หวังจะได้เข้าชมโดยไม่เกี่ยงเรื่องดินฟ้าอากาศ
เมื่อมาถึง พื้นของทางเดินซึ่งนำไปสู่ทางเข้าให้ความรู้สึกนุ่มอยู่ใต้ฝ่าเท้า พอก้มลงไปมองดูก็เข้าใจว่าทำไมเป็นแบบนั้น เพราะพื้นปูด้วยแผ่นไม้รีไซเคิลนั่นเอง ไม่แปลกใจที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยให้กับกำลังใจในการทำงานของมิยาซากิอย่างเต็มที่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สะท้อนถึงสไตล์เพ้อฝันอันน่ามหัศจรรย์ในอนิเมะของเขาและทำให้มันดูโดดเด่นกว่าตึกอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่โดยรอบ สิ่งนี้ทำให้ฉันยิ้มออกมา พลันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กน้อยล่องลอยอยู่ในโลกแห่งความฝันก่อนจะทันก้าวเท้าเข้าไปเสียอีก
ตอนนั้นฉันไปถึงก่อนเวลากำหนดเข้าชมนิดหน่อย เลยเดินเล่นรอบนอกตึกจนพนักงานอนุญาตให้ฉันเข้าไปด้านใน เจ้าโทโทโร่ขนาดตัวเท่าของจริงเสนอหน้าต้อนรับอยู่ที่ตรงทางเข้าแล้วก็เจ้าพวกมัคคุโระ-คุโรสุเกะที่เบียดกันอยู่ข้างในและจ้องมองออกมาจากหน้าต่างรูปวงกลมตรงบริเวณทางเข้า ตัวละครอื่น ๆ จากผลงานอนิเมะของมิยาซากิอีกจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่เป็นภาพวาดแนวปูนเปียกสีสันสวยงามบนกระจกสี
ตอนที่เข้ามา พวกเราทุกคนได้รับตั๋ว (ที่มีกรอบรูปแบบเป็นเอกลักษณ์อยู่ด้านใน) แผ่นพับ และตั๋วแยกสำหรับเข้าชมโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กในพิพิธภัณฑ์ที่ฉายอนิเมะขนาดสั้นซึ่งไม่ได้ออกสู่ตลาดที่ชื่อ Saturn Seat
ตอนที่กำลังเดินลงมาจากบันได ฉันสังเกตเห็นช่องรับแสงบนหลังคาในตึกไม้ที่สวยสง่า ออกแบบดูคล้ายกับต้นไม้ กับเพดานสูงที่ทำให้กลายเป็นห้องเดี่ยวและบันไดที่ดูดีและน่าสนใจ ฉันทันเห็นด้านในของห้องและทางเดิน ซึ่งมีบันไดขนาดเล็กอยู่ทั่วไปหมด
ทั้งตึกมีอยู่สามชั้นรวมชั้นใต้ดินด้วย คาเฟ่และร้านอาหารกลางแจ้งตั้งอยู่บนชั้นสอง และถึงแม้จะเป็นเวลาบ่ายสองโมง แต่คนก็ยังแน่นอยู่ดี ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันหลายภาษา นั่นเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าแฟนคลับของมิยาซากิจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลมารวมตัวกันที่พิพิธภัณฑ์แทบไม่เว้นวันจริง ๆ ที่ชั้นบนสุดนี้ก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นจุดที่มีคนอยู่แน่นที่สุดในพิพิธภัณฑ์ มีตั้งแต่ของที่ระลึกเล็ก ๆ อย่างพวงกุญแจ ไปจนอะไรที่แพงกว่าอย่างตุ๊กตาที่เหล่าโอตาคุของมิยาซากิจะต้องฟิน เรียกได้ว่ามีทุกอย่างสำหรับทุกคนจริง ๆ
ชั้นใต้ดินนั้นจะเป็นเหมือนกับห้องสมุด ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของการ์ตูนและอนิเมชั่นของมิยาซากิเอาไว้ รวมทั้งแบบจำลองตัวละครของมิยาซากิจำนวนมาก เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้ก็เหมือนกับหลุดเข้าสู่ภาพลวงตา อย่างกับโลกแฟนตาเซียชิ้นเอกของดิสนีย์ที่อนิเมชั่นคือเวทย์มนตร์ คุณจะอิ่มตาอิ่มใจไปกับการแสดงอนิเมะที่มีตัวละครที่คล้ายกับในเรื่องโทโทโร่เพื่อนรัก สถานที่ราวกับโลกแห่งความฝันนี้คือส่วนที่ฉันประทับใจมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์
ไฮไลต์ของชั้นหนึ่งคือการจำลองการทำงานของสตูดิโอGhibli เมื่อมองไปรอบ ๆ จะรู้สึกเหมือนว่ามีเหล่าผู้วิเศษรายล้อมอยู่รอบ ๆ และคอยจับตาดูเหล่านักผลิตการ์ตูนที่ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทั้งเครื่องมือ ข้อมูล และสิ่งของอื่น ๆ อีกมากมายวางกระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง ซึ่งถูกจัดไว้ให้ดูเหมือนกับว่ามันเพิ่งถูกวางหลังจากผ่านวันทำงานอันสุดโหดมาเมื่อวานนี้เอง
มีภาพผลงานต้นฉบับโดยมิยาซากิเองอยู่ตามกำแพง เช่น มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ซึ่งแฟน ๆ ของมิยาซากิต้องห้ามพลาด แล้วก็ยังมีพวกอุปกรณ์ที่ทำให้เราได้รู้ถึงกระบวนการผลิตอนิเมชั่น ทั้งฉากหลัง การวาด และการเคลื่อนไหว! หุ่นจำลองของเจ้าแคทบัสอยู่ตรงกลางของบริเวณที่คล้ายกับจะเป็นโอเอซิสของเหล่าเด็ก ๆ พอได้เห็นแล้วก็นึกถึงสมัยยังเป็นเด็กขึ้นมาทันที ตอนนั้นที่ฉันได้ดูโทโทโร่ก็ฝันอยากขึ้นไปบนรถบัสคันนั้นบ้าง อีกยี่สิบปีต่อมาความฝันของฉันก็ได้กลายเป็นจริงในที่สุด
พิพิธภัณฑ์Ghibli เป็นเหมือนกับหีบสมบัติ สถานที่ซึ่งความศรัทธาไม่เคยหลับใหลและช่วยหล่อเลี้ยงจินตนาการของเด็ก ๆ ลองมาที่นี่ดูเพื่อย้อนเอาความรู้สึกในวัยเด็กวันนั้นกลับมาอีกครั้งเมื่อชีวิตวัยผู้ใหญ่เริ่มจะอยู่ยากเกินรับไหว
น่าเสียดายที่ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องบันทึกความทรงจำโดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีใด ๆ