ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกไกลของโตเกียว ขึ้นรถไฟด่วนเส้นชูโอะราว 30 นาทีจากชินจูกุคือโอเอซิสสีเขียวของสวนโทโนกะยะโตะ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและแน่นอนว่าย่อมเป็นสวนที่แทบไม่อยู่ในสายตาท่ามกลางป่าคอนกรีตอันกว้างใหญ่ของโตเกียว
สวนโทโนะกะยะโตะถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1915 โดยชาวสวนนักออกแบบที่ถูกเรียกว่า "เซนโกคุ" และเดิมทีนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นบ้านพักส่วนตัวของรองประธานการรถไฟแห่งแมนจูเรียใต้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูกผลัดเปลี่ยนเจ้าของมาหลายคน ครั้งแรกนั้นสวนถูกซื้อไปโดยฮิโกยาตะ อิวาซากิแห่งมิตซูบิชิ ไซบัตสุ ในปี 1929 ในช่วงนั้นที่นี่ได้กลายเป็นสวนสำหรับเดินเล่นสไตล์ตะวันตกโดยสมบูรณ์แบบพร้อมกับอาคารเพิ่มเติมหลายหลังจากตัวอาคารหลักและโมโมจิ เท จนกระทั่งที่สุดในปี 1974 ทางที่ว่าการมหานครโตเกียวได้ซื้อบ้านพักแห่งนี้และทำการปรับเปลี่ยนใหม่ให้กลายเป็นสวนชมทัศนียภาพที่เปิดสำหรับสาธารณะ โดยค่าเข้าชมสวนโทโนกะยะโตะมีราคา 150 เยน
การเดินผ่านรอบเส้นทางสายหลักไปเรื่อย ๆ จะทำให้คุณได้พบกับความสวยงามหลายอย่างของสวนโทโนกะยะโตะ จุดแรกที่เดินผ่านคือวิสเทเรีย เทลลิส ศาลาทำจากไม้ที่มีหญ้าขึ้นรกเต็มหลังคา และเพราะไม่ได้ทานมื้อเช้ามา ฉันเลยซื้อขนมปังอุ่นจากเตาที่ร้านเบเกอรี่ในสถานีโคคุบุนจิ จากตรงนั้นแค่เดินไปไม่นานก็เจอสวนโทโนกะยะโตะแล้ว และฉันก็มานั่งใต้ร่มเงาของศาลาเพื่อทานมื้อกลางวันที่สุดแสนจะสบาย จากศาลานั้นฉันก็เดินลอดอุโมงค์ฮากิ เป็นสิ่งปลูกสร้างทำจากไม้ที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยและถูกล้อมด้วยวิวสีเขียวรอบทิศทาง ฉันใช้เวลาอยู่นานมากกับการพยายามถ่ายภาพไว้เยอะ ๆ เพื่อเก็บความสวยงามให้ครบทุกมุมมอง
จากนั้นฉันก็เดินผ่านป่าไผ่ เป็นที่ดินพิเศษที่ปลูกขึ้นเฉพาะไผ่เท่านั้น จิตรกรหญิงไฟแรงคนหนึ่งดูจะหลงใหลไปกับความสงบของป่าไผ่มากเสียจนต้องเอาเก้าอี้ออกมากางแล้วเริ่มลงมือร่างภาพวาด
เมื่อเดินผ่านพ้นป่าไผ่มาแล้ว คุณจะได้พบกับสระน้ำจิโระ เบนเตน ที่น่าจะเป็นจุดที่สวยงามที่สุดแล้วของสวนโทโนกะยะโตะแห่งนี้ ตอนนั้นฉันไปเที่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งยังเป็นช่วงแรก ๆ ของการชมใบไม้ร่วงในฤดู แต่ต้นไม้บางต้นก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นเหลืองกับแดงแล้ว ทำให้วิวบริเวณสระเต็มไปด้วยสีสันทั้งเขียว แดง และเหลือง ฉันมีความสุขมากกับการได้มองดูเด็ก ๆ เล่นกับรอบสระ ทั้งที่ดูปลาคาร์พกับปู่ย่าตายายในสระ บ้างก็เล่นเดินข้ามหินที่อยู่ในสระ บางคนไล่จับแมลงก็มี รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นเด็ก ๆ สนุกกับธรรมชาติในยุคที่โลกหมุนไปเร็วและถูกครอบงำด้วยเทคโนโลยี
โมโมจิ เท ตั้งอยู่บนขั้นสูงสุดของสวนชมทัศนียภาพแห่งนี้ ที่นั่นมีห้องดื่มน้ำชาและในวันอาทิตย์นั้นที่ฉันไปกำลังมีการสอนพิธีชงชาของญี่ปุ่นกันอยู่ มีผู้หญิงหลายคนที่สวมชุดกิโมโนอันสวยงาม ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันช่างเข้ากันได้ดีที่สุดกับกลิ่นอายและบรรยากาศของสวนโทโนกะยะโตะแบบญี่ปุ่นดังเดิมแห่งนี้
ในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังใกล้เข้ามาถึงนี้ อย่าลืมใส่สวนโทโนกะยะโตะไว้ในรายชื่อสถานที่ชมโกโยะ (ใบไม้ร่วง) ด้วยล่ะ! แต่ขอให้ระวังเพราะยุงที่นี่ดุมาก อย่าลืมทากันยุงมาก่อนเข้าชมสวนโทโนกะยะโตะด้วยนะ!