โดยปกติในช่วงเดือนเมษายน จะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน แต่ปีที่ฉันกับลูกสาวไประหว่างวันที่ ๒๗ มีนาคม-๗ เมษายน ๒๕๕๖ เป็นปีที่ดอกซากุระบานเร็วกว่าปกติ วันที่เราไปถึงญี่ปุ่นวันแรกจึงเห็นดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วสนามบินนาริตะ แม้แต่ระหว่างทางที่นั่งรถไฟไปโตเกียว ก็จะพบเห็นแต่ดอกซากุระบานสะพรั่งตลอดสองข้างทางเป็นที่ตื่นตาตื่นใจป็นอย่างยิ่ง หากใครสักคนจะไปเที่ยวโตเกียวในฤดูซากุระบาน สถานที่ที่มีบรรยากาศน่ารื่นรมย์กับการชมซากุระบานเป็นอย่างยิ่งก็คือสวนอูเอโนะ เพียงเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสาย Ginza หรือ Hibiya มาลงที่สถานี Ueno ก็ถึงแล้ว และต้องไปในยามค่ำคืนเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนเทศกาลชมดอกซากุระ ดังนั้นในค่ำคืนที่เราไปจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองที่จะมาเดินชมซากุระบาน โดยเฉพาะตอนเย็นถึงยามค่ำคืนที่ผู้คนเลิกงานแล้วก็จะมานั่งปูเสื่อรับประทานอาหารค่ำร่วมกันใต้ต้นซากุระที่บานพราวพร่างและสว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟ ซากุระทุกต้นเหมือนเปล่งแสงออกมาด้วยตนเอง ภาพของสวนอูเอโนะยามค่ำคืนจึงเหมือนสวนสวรรค์ทีเดียว และไม่ใช่แค่คนต่างชาติที่ตื่นเต้นกับการชมดอกซากุระบาน แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้พวกเรา
สวนอูเอโนะกว้างขวางมาก และยังมีสถานที่และสิ่งต่าง ๆ ให้ชมอีกมากมาย หากไม่ใช่ในยามค่ำคืนเช่นนี้ แต่ควรมาในเวลากลางวัน เช่น สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ศาลเจ้าโทโชกุที่มีโคมหินอันขรึมขลัง และเจดีย์ ๕ ชั้นที่สวยงามมาก รวมทั้งวัดอีก ๓ วัดคือ วัดคังเอจิ วัดคิโยมิตสึแคนนอน และวัดเบนเทน ตลอดจนบึงชิโนบาซุ และอนุสาวรีย์ของท่านไซโก ทากาโมริ หรือ The Last Samurai นั่นเอง
เราสนุกกับการถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนเดินไปพบกับร้านอาหารที่ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าศาลเจ้าไทโชกุโดยบังเอิญ อาหารที่ขายอยู่บริเวณนี้ทุกอย่างราคา ๔๐๐ เยน หลังจากรับประทานอาหารค่ำแล้ว เราก็เดินย้อนกลับทางเดิม เพื่อเก็บภาพผู้คนและบรรยากาศอันอ่อนหวานตามธรรมชาตนั้นอีกครั้งหนึ่งก่อนจะอำลาสวนอูเอโนะยามค่ำคืนไป
ใตรก็ตามที่มาเที่ยวโตเกียวแล้วไม่ได้มาชมดอกซากุระบานยามค่ำคืนที่สวนอูเอโนะ จะถือว่าพลาดโอกาสสำคัญในการชมดอกซากุระบานของญี่ปุ่นไปอย่างน่าเสียดาย เพราะปีหนึ่งมีครั้งเดียวเท่านั้น