ถ้าคุณเที่ยวอาซากุสะไปจนเต็มอิ่มแล้วหรือไม่ก็เบื่อๆฝูงชนที่จอแจกันอยู่แถววัด ก็ลองมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ริมแม่น้ำสุมิดะดูสิ ใช้เวลาเดินทางจากสถานีอาซากุสะไปเพียงไม่กี่นาทีเอง พอมาถึงก็เจอทางเดินปูพื้นอย่างดีทอดยาวเลียบริมฝั่งแม่น้ำ ขณะเดินรับลมเย็นๆ อาจจะหยิบโซดาดั้งเดิมยี่ห้อ ramune ที่ซื้อได้ในอาซากุสะขึ้นมาดื่มให้สดชื่นพร้อมเดินชมวิวอันสวยงามของหอคอยสกายทรีระหว่างเดินไปเรื่อยๆก็ได้
โดยล่าสุดโตเกียวสกายไลน์ หรือสกายทรีนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหอคอยสื่อสารที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงของตัวหอคอยที่สูงถึง 2,080 เมตรจึงได้ทำลายสถิติเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 รองจากตึก Burj Khalifa ของประเทศดูไบ ซึ่งในขณะเดินเลียบแม่น้ำสุมิดะจะเห็นสกายทรีจากตรงนั้น ยิ่งทำให้เห็นภาพความแตกต่างที่ลงตัวของหอคอยอันล้ำสมัยกับความดั้งเดิมของบ้านใกล้เรือนเคียงในย่านนั้นได้อย่างชัดเจน
ทั้งย่านอาสากุสะและโอชิอาเกะซึ่งเป็นที่ตั้งของสกายทรีได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองประเมืองประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อ ชิตะมะชิ (下町) หรือ “เมืองในพื้นที่ต่ำ” ตามหลักทางภูมิศาสตร์แล้ว ชิตะมะชิ จะหมายถึงบริเวณพื้นที่ที่มีระดับต่ำใกล้มหาสมุทรหรือแม่น้ำ นั่นก็คือย่านอาสากุสะและโอชิอาเกะที่อยู่ใกล้แม่น้ำสุมิดะนั่นเอง
คำว่า ชิตะมะชิ มาจากพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งในสมัยก่อนพื้นที่นี้จะอยู่ล้อมรอบปราสาท โดยเหล่าซามุไรและขุนนางจะพำนักอาศัยอยู่บนพื้นที่สูงที่เรียกว่า ยะมะโนะเตะ (山の手) “บนภูเขา” ในขณะที่พวกพ่อค้าจะอาศัยในพื้นที่ต่ำอย่างชิตะมะชิจึงไม่แปลกที่ปัจจุบันนี้ยังมีบ้านเรือนที่เป็นร้านค้าเก่าแก่อยู่
แม้ทุกวันนี้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างสกายทรีเข้ามาแต่ชิตะมะชิก็ยังคงสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ซึ่งก็เหมือนกับหลายๆพื้นที่ในกรุงโตเกียวที่วัฒนธรรมโบราณยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ญี่ปุ่นจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงชั้นแนวหน้าของโลกไปแล้วก็ตาม
หากใครอยากจะมาเดินรับลมสูดอากาศให้เต็มปอดพลางชมวิวของสกายทรีล้ำสมัยท่ามกลางวัฒนธรรมโบราณของชิตะมะชิก็ตรงดิ่งมาที่ริมแม่น้ำสุมิดะโลด
