ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "ปลายสายรุ้งมีถุงทองคำ" และในที่สุดฉันก็ได้ค้นพบคำตอบที่ไม่เคยได้หามานาน การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาพบกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตบน Tokyo Skytree สำหรับบางคนที่อาศัยอยู่บนตึกสูงอาจจะมองว่าภาพนี้มันก็ธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่ากว่าที่ฉันจะได้ภาพนี้มามันท้อถอยเพียงใด
โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree : 東京スカイツリー) คือหอคอยสื่อสารแห่งใหม่ที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและครองอันดับ 2 อาคารที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 634 เมตร (2,080 ฟุต) ที่มาของความสูงนี้มาจากชื่อ มุซาชิ (Musashi : 武蔵) มุ (六) แทนเลขหก (6) ซะ (三) แทนเลขสาม ชิ (四) แทนเลขสี่ ซึ่งคำว่ามุซาชิหมายถึงเขตพื้นที่กรุงโตเกียวในสมัยที่ยังใช้ชื่อว่าเอโดะ ประกอบไปด้วยพื้นที่ในส่วนของจังหวัดไซตามะและจังหวัดคะนะกะวะ และสถาปนิกผู้ออกแบบหอคอยแห่งนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดคือ "นายทาดาโอะ อันโดะ นักมวยเก่าที่ไม่เคยได้ร่ำเรียนทางด้านสถาปัตยกรรมแต่กลับกลายมาเป็นสถาปนิกชื่อดังอันดับต้นๆของโลก" และยังเป็น 1 ใน 3 สถาปนิกขวัญใจของฉันมากที่สุด ฉันจึงไม่พลาดที่จะมาสัมผัสผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้
การมายังโตเกียวสกายทรีของฉันมันดันเป็นวันที่โชคไม่เข้าข้างเท่าใดนัก ท้องฟ้าปิดและมรสุมเข้าทำให้ฉันต้องปรับแผนการเดินทางใหม่ ฉันไปถึงยังหอคอยแห่งนี้พร้อมกับข้อความที่ติดอยู่หน้าทางเข้าซึ่งบอกว่า "ไม่สามารถขึ้นชมได้เนื่องจากทัศนวิสัยในการมองไม่ชัด" มันเป็นข้อความที่ทำร้ายจิตใจมากแต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังมีความหวังเสมอและก็เป็นดั่งเช่นที่หวัง ช่วงบ่ายของอีกวันเป็นวันที่ท้องฟ้าเริ่มเปิด แสงแดดแผดเผาทำลายเมฆหมอกทั้งหมด ฉันจึงมุ่งหน้ามายังสถานี Oshiage Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทะลุขึ้นมายังลานหน้า Tokyo Skytree ได้เลย ส่วนสถานี Tokyo Skytree Station นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกันขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวมาจากเส้นทางไหน
เมื่อฉันเดินมาถึงลานหน้าโตเกียวสกายทรี สิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริพร้อมกับหน้าบานๆของฉัน คือ การได้เห็นรุ้งกินน้ำที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ "โชคดีในโชคร้าย" มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันซื้อตั๋วราคา ¥2,000 เพื่อขึ้นไปยังความสูงที่ระดับ 350 เมตรด้วยลิฟท์ Tembo Shuttle ในเวลา 50 วินาทีเท่านั้น !!เมืองโตเกียวดูเล็กลงทันที ฉันเดินวนรอบไปจนเจอจุดที่นักท่องเที่ยวถ่ายรูปมากที่สุดและในที่สุดฉันก็ได้ค้นพบคำตอบแล้วว่า "ปลายสายรุ้งไม่ได้มีถุงทองคำ มีแต่เพียงความเชื่อของเด็กน้อยเท่านั้นที่ถูกทำลาย"