คนญี่ปุ่นมักจะพูดติดปากว่า "ในญี่ปุ่นมีพระเจ้าอยู่เกินแปดล้านองค์อีก" และนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นจะเห็นได้ว่าคำพูดนี้มีอิทธิพลแค่ไหนในการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น เริ่มจากการไปสักการะบูชาพระเจ้าตามศาลเจ้าต่างๆ หรือบางคนอาจไปสวดมนต์ภาวนาให้กับการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ นอกจากนี้หลายๆคนไปวัดและโบสถ์เพื่อสวดมนต์ให้กับพระเจ้าหรือไปงานแต่งงาน
St. Mary's Cathedral ที่โตเกียวตกอยู่ในหมวดหลัง แต่ที่นี่ยังเป็นที่ที่คนมักจะมาเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความสับสนวุ่นวายในชีวิตประจำวันหรือมาซึมซับบรรยากาศของสถาปัตยกรรมที่ล้ำเลิศ อย่างที่หัวหน้าบาทหลวง Yamamoto มักพูด "ได้โปรดแวะมาชมที่สักการะบูชาที่น่าสนใจของเราสิ คุณจะมีช่วงเวลาที่สงบอย่างที่คุณคาดหวังจากการมาโบสถ์"
โบสถ์เพิ่งครบรอบ 50 ปีในปีนี้ จริงๆแล้วควรจะเรียกว่า 'การเกิดใหม่' เพราะโบสถ์ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆในปี 1900 แต่ถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะผ่านการสนับสนุนทางการเงินจาก เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ในการบูรณะโบสถ์ในปี 1964 เขาใช้วิธีก่อสร้างแบบใหม่ที่ออกแบบโดยสถาปนิก Kenzo Tange ซึ่งทำให้จำวนคนที่มาโบสถ์นี้เพิ่มมากขึ้นมาก เพราะมันทำให้คนเกิดแรงบันดาลใจที่จะมาโบสถ์เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมไม่ใช่แค่มาสวดมนต์ งานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมที่มันสมัยและสถาปัตยกรรมแบบโกธิกนี้ทำให้ผู้คนสนใจสถาปัตยกรรม ซึ่งผู้ที่ชื่นชม Kenzo คิดว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Kenzo Tange พื้นที่ภายในของกำแพงคอนกรีตสีฟ้าจางและเพดานที่สูงตระหง่านไม่แค่ทำให้สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ แต่ยังสร้างช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ทั้งหมดนี้ถูกเสริมด้วยการออกแบบแบบ minimalist ของ Tange
อย่างที่คุณคงเดาได้จากความเป็นโบสถ์ ที่นี่เปิดทุกวันและมาถึงได้ไม่ยากโดยการเดิน 15 นาทีจากสถานี Edogawabashi ผมแนะนำให้เดินตามทางไปสวน Edogawa ข้างๆแม่น้ำ Kanda แล้วผ่านประตูเล็กๆ a small gate (冠木門) เข้าไปในสวนของโรงแรม Hotel Chinzanso Tokyo (椿山荘) ที่สวยงาม หลังจากที่เดินขึ้นเนินและผ่านห้องโถงของโรงแรมจะเห็นหอระฆังของโบสถ์ ระฆังนี้ถูกส่งมาจากประเทศเยอรมนี