ผมและเพื่อนเดินทางมาที่ตลาดปลาสึกิจิด้วยความงงๆ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแห่งนี้อย่างละเอียดมาก่อน รู้แค่ว่าตลาดปลาแห่งนี้มีประมูลปลากับปลาหน้าตาแปลกๆให้ดู (ไม่ควรทำตามอย่างนะครับ) ทำให้ผมมาถึงตลาดแห่งนี้ตอนช่วงตลาดวาย แถมยังเป็นวันที่ฝนอีก ตอนเดินเลยหลง เดินไปเดินมาก็ไปถึงด้านนอกตลาดแทน เป็นสาเหตุทำให้ผมเจอกับร้านซูชิร้านนี้ ด้วยความอยากกินซูชิกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นคนญี่ปุ่นจำนวนมากยอมยืนทนความหนาวท่ามกลางสายฝนต่อคิวเพื่อลิ้มรสซูชิร้านแห่งนี้ พวกผมจึงตัดสินใจเข้ามาต่อคิวร้านนี้ด้วยแบบไม่รีรอ
เมื่อเปิดประตูเดินเข้าร้าน ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเชฟคนปั้นข้าวปั้น และถูกเชื้อเชิญให้มานั่งที่โต๊ะแบบเคาน์เตอร์ หลังจากที่นั่งได้สักพักก็มีผ้าร้อน ชาเขียวร้อนๆใส่แก้ว และน้ำซุปไว้สำหรับล้างคอหลังทานซูชิมาเสริฟ ผมกับเพื่อนตัดสินใจสั่งเมนู Sushizanmai Deluxe ซูชิแบบเซ็ต 13 ชิ้นคนละเซ็ตมานั่งทานกัน พ่อครัวก็ยิ้มรับเมนูอาหารพร้อมกับรีบทำให้โดยไว ใช้เวลาไม่นานซูชิที่พวกผมสั่งก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า
ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากเมื่อเห็นซูชิ เพราะมื้อนี้เป็นซูชิมื้อแรกที่พวกผมจะได้ทานเมื่อมาถึงญี่ปุ่น แถมเป็นซูชิจากตลาดปลาแบบสดๆอีก พวกผมเลยไม่รีรอที่จะหยิบ “กล้องถ่ายรูป” ขึ้นมาถ่ายเอาไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่จะจัดการซูชิที่อยู่ตรงหน้าจนหมด
เค้าว่าการลงทุนทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยง การมาทานซูชิที่ร้านแห่งนี้ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกับการลงทุนเลยครับ เพราะตอนที่หยิบดูเมนูครั้งแรก ผมและเพื่อนตัดสินใจสั่งซูชิแบบเซ็ตในราคา 3,150 เยน ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินไทยแล้วก็แพงพอสมควร งบประมาณต่อวันก็มีจำกัด แถมยังเป็นมื้อแรกที่แพงที่สุดเท่าที่ผมเคยจ่ายตอนมาถึงญี่ปุ่นด้วย จึงรู้สึกลังเลกับการตัดสินใจของตัวเองในชั่วครู่เล็กๆ แต่หลังจากที่ทานซูชิเสร็จแล้ว ผมไม่รู้สึกเสียดายเงินที่เสียไปกับซูชิที่ร้านแห่งนี้เลย เพราะรสชาติอร่อย ของสด มีคุณภาพ แถมรู้สึกอิ่มมากๆอีกด้วย (หากหาทานแบบนี้ในเมืองไทยราคาต้องแพงกว่านี้มากแน่ๆ)
หลังจากกลับมานั่งดูข้อมูลที่ของร้านนี้ที่เมืองไทยก็พบว่า ร้านซูชิแห่งนี้เป็นร้านซูชิชื่อดังที่หลายๆนิตยสารท่องเที่ยวแนะนำกันว่าถ้ามาญี่ปุ่นต้องมาทานร้านซูชิแห่งนี้ได้ให้ โดยเฉพาะร้านที่พวกผมไปทานเป็นร้านฉบับดั้งเดิมสาขาแรกของญี่ปุ่น ก่อนที่จะขยายสาขาไปหลายสาขาทั่วโตเกียวครับ